
ชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อว่าการจัดสรรงบประมาณปี 2567 จะมีความล่าช้าออกไป และจะสามารถจัดสรรงบประมาณให้ส่วนราชการได้ในช่วงไตรมาส 1/67 ได้ เพื่อใช้ในการก่อสร้างและซ่อมถนน จากปัจจุบันยังไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ทำให้ยอดขายในประเทศจะชะลอตัวลง และผลประกอบการจะเข้าสู่ Low Season ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
การตั้งรัฐบาลล่าช้านั้น คาดไม่กระทบภาพรวมผลประกอบการปี 2566 ของบริษัท เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทสามารถทำยอดขายได้ในระดับสูง แต่ยังคงต้องติดตามต่อว่า นโยบายการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลมายังส่วนราชการต่างๆ จะเป็นอย่างไรในอนาคต
ทั้งนี้ ยอดขายในต่างประเทศยังมีแนวโน้มการเติบโตได้ดี โดยเฉพาะประเทศจีน ที่คาดว่าจะมีการซื้อยางมะตอยในช่วงที่ราคาลดลงในไตรมาสที่ 4/66 เพื่อเก็บเป็นสินค้าคงคลังในช่วงฤดูหนาว (winter storage) และนำมาขายในฤดูกาลถัดไป ส่วนอินโดนีเซีย คาดว่าจะเข้าสู่ช่วง High Season ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ พร้อมทั้งประเทศแถบโอเชียเนีย เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลทำงานด้วย
ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทมีการปรับลดเป้าหมายยอดขายปี 2566 ลงมาอยู่ที่ 1.2 ล้านตัน จากเดิมคาดไว้ที่ 1.3 ล้านตัน สูงจากปีก่อนที่ทำได้ราว 1.1 ล้านตัน จากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี มีความมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนซื้อน้ำมันดิบจากประเทศเอกวาดอร์และโคลัมเบีย ซึ่งถือเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบได้มีคุณภาพ โดยคาดว่าจะมีการเข้าประมูล หรือซื้อต่อจากผู้ชนะประมูล เพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในโรงกลั่นของบริษัท เพื่อขายไปยังลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดระยะสั้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะลดลงจากช่วงครึ่งปีแรก แม้ตลาดต่างประเทศจะเข้าสู่ช่วง High Season แต่จะหักล้างจากตลาดในไทย ที่คาดจะเป็นช่วงชะลอเบิกจ่ายงบประมาณ และเป็นช่วงรอยต่อจัดตั้งรัฐบาลยังล่าช้า จะกระทบการเบิกจ่าย 1-2 ไตรมาส
รวมถึงราคายางมะตอยยังปรับตัวลดลง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวขึ้น เบื้องต้นมองกำไรไตรมาส 3/66 ราว 500 ล้านบาท ทรงตัวจากทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน และคงประมาณการกำไรปี 2566 ที่ 2.7 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 15%
ด้านการทำ Feedstock ปัจจุบันยังมีเพียงพอถึงเดือนกันยายนใกล้เคียงเดิม โดยซื้อปีนี้แล้ว 2 ลำเรือ ส่งมอบในเดือนกุมภาพันธ์และกรกฎาคมที่ผ่านมา จากแผนปีนี้ซื้อ 4 ลำเรือ พร้อมกับมีการรับน้ำมันดิบจากแหล่งใหม่โคลัมเบียตั้งแต่กุมภาพันธ์ 1 ลำเรือ ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนจากการผลิตยางมะตอยสูงราว 63% เทียบจากน้ำมันเวเนซุเอลาที่ 71-74% ขณะที่การซื้อเพิ่มจากแหล่งอื่นยังอยู่ระหว่างเจรจา และยังไม่มีเงื่อนไขซื้อแบบสัญญาระยะยาว
อย่างไรก็ตาม แนะนำถือ (Neutral) จากราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 20.6 บาท อิงพีอี 12 เท่า แม้หุ้นเริ่มมีอัปไซด์ แต่ผลประกอบการผ่านจุดพีก และปัจจัยลบจากเป็นช่วงสุญญากาศการตั้งรัฐบาลกระทบการเบิกจ่ายลูกค้ารัฐ รวมถึงราคาน้ำมันเริ่มปรับขึ้น จะกระทบอัตรากำไรระยะถัดไป แต่ปัจจัยที่ยังดีคือ TASCO ยังให้อัตราผลตอบแทนสูงถึง 7%.