
นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น FSMART เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเดินหน้าในการขยายตู้อัตโนมัติ เครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า “GINKA Charge Point” รวมถึงตู้จำหน่ายเครื่องดื่มชงสดอัตโนมัติ “เต่าบิน” อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง โดยวางแผนจะตั้งตู้เต่าบินให้ได้ 1 หมื่นตู้ ภายในสิ้นปีนี้
โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ของตู้เต่าบิน พบว่า มีจำนวนยอดขายเครื่องดื่ม อยู่ที่ 19.56 ล้านแก้ว เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ระดับ 9.95 ล้านแก้ว โดยมียอดขายอยู่ที่ 592 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 346 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะขยายจุดติดตั้งในพื้นที่ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีให้บริการอยู่ 6,142 ตู้ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566) จากแผนที่วางไว้ปีนี้ที่ 8,500-10,000 ตู้ ทั้งหมดจะช่วยสนับสนุนให้กลุ่มลูกค้าประจำ และเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่เข้าถึงบริการ และมีโอกาสซื้อเครื่องดื่มจากตู้จำหน่ายเครื่องดื่มชงสดอัตโนมัติ “เต่าบิน” มากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 26.71% ของ FSMART ที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ
ส่วนแผนการเติบโตของ GINKA Charge Point เริ่มติดตั้ง “GINKA Charge Point” ปลายเดือนสิงหาคม ในพื้นที่เป้าหมาย 2 แห่ง ก่อนจะขยายไปในพื้นที่ที่มีศักยภาพ อาทิ คอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และพื้นที่จอดรถอื่นๆ ตามเป้าหมายการขยายเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า GINKA ให้ได้ 5,000 จุดใน 1 ปีนับตั้งแต่เริ่มดำเนินการ
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาโปรเจกต์การผสมผสานระหว่างเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า GINKA และ เต่าบิน ในรูปแบบเคาน์เตอร์อัตโนมัติ ที่จะขายเครื่องดื่มชงสด และขายอาหารประเภทอื่นๆ ในรูปแบบสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอัตโนมัติ โดยการดำเนินงานนี้ถือเป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครือให้ครบวงจรแบบมีศักยภาพ ที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 บริษัทมีรายได้ 509 ล้านบาท ลดลง 0.2% เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และลดลง 12.7% เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ถึงแม้อัตราเงินเฟ้อจะลดลง แต่กำลังซื้อของผู้บริโภคของกลุ่มที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางยังไม่มาก จากราคาสินค้าที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ยอดเติมเงินไม่เติบโตเท่าที่ควร แต่บริษัทยังสามารถรักษายอดใช้บริการและฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนกำไรสุทธิ 74.32 ล้านบาท ลดลง 4.3% เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา จากยอดเติมเงินที่ลดลงเล็กน้อย และจากการรับรู้กำไรส่วนได้เสียจากเงินลงทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น.