นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC เปิดเผยว่า ภาพรวมของการขายหนี้เสียในช่วง 7 เดือนแรกที่ผ่านมาพบว่ามีปริมาณหนี้เสียออกมาอย่างมาก โดยเป็นผลจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการหมดมาตรการช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทย
“ปริมาณหนี้เสียในระบบในปีนี้เราเห็นทิศทางการขายหนี้ออกมาจากสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากมูลค่าของหนี้ที่เราเข้าร่วมในการประมูลช่วง 7 เดือนแรกสูงถึง 9.5 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้วทั้งปีที่ 6.7 หมื่นล้านบาท”
ทั้งนี้ในด้านการราคาหนี้ที่ถูกขายออกมานั้น พบว่ามีมูลค่าที่ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลสะท้อนจากปริมาณหนี้ที่สูงมากในระบบถูกออกมาขายพร้อมกัน ในขณะที่ AMC มีเม็ดเงินในการรับซื้อหนี้ที่จำกัด เป็นแรงกดันให้ราคาปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตามจากหนี้ที่มีปริมาณการขายออกมานั้นทำให้บริษัทเดินหน้าในการปรับธุรกิจสู่งการเป็น โฮลดิ้ง คอมปานี จากปัจจุบันที่บริษัทถือไลเซ่น AMC ที่รับซื้อหนี้ได้เฉพาะในสถาบันการเงินเท่านั้น โดยสาเหตุที่บริษัทต้องการปรับให้เป็น โฮลดิ้ง คอมปานี เพื่อให้บริษัทสามารถเข้าซื้อหนี้เสียจากบริษัทจดทะเบียน หรือหุ้นกู้ ลูกหนี้ภาคเอกชนได้โดยตรง ซึ่งที่ผ่านมามีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บางรายได้เสนอขายหนี้ให้กับบริษัท เพื่อให้เข้าไปบริหารจัดการ แต่เราไม่สามารถทำได้เพราะติดหลักเกณฑ์ ทั้งนี้การปรับโครงสร้างจะช่วยให้ KCC มีความคล่องตัวในการทำธุรกิจมากขึ้น โดยเราสนใจเข้าไปซื้อในหนี้เสียที่เข้าสู่กระบวณการฟื้นฟูกิจการแล้ว ซึ่งจะเข้าไปดูทิศทางการฟื้นตัวของธุรกิจว่าจะเป็นอย่างไร หากเรามีความมั่นใจก็จะเข้าลงทุน
กระบวณการปรับโครงสร้างเป็น โฮลดิ้ง คอมปานี นั้นจะมีการแลกหุ้นเดิมกับหุ้นใหม่คือ บริษัท ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (Knight Club Capital Holding Public Company Limited) (บริษัทโฮลดิ้ง) โดยบริษัทจะต้องขออนุมัติต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 กันยายน 2566 โดยหากผู้ถือหุ้นอนุมัติการทำรายการคาดว่าจะมีการแลกหุ้นและดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2567
การปรับโครงสร้างครั้งนี้ บริษัท ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง จะทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทจากผู้ถือหุ้น โดยบริษัทโฮลดิ้งจะออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับหุ้นสามัญของบริษัทฯ ในอัตราการแลกหลักทรัพย์เท่ากับ 1 หุ้นสามัญของบริษัทฯ ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทโฮลดิ้ง และภายหลังการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทโฮลดิ้งเสร็จสิ้น จะนำหุ้นสามัญของบริษัทโฮลดิ้งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) แทนหุ้นสามัญของบริษัทฯ หรือ KCC ซึ่งจะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และ KCC จะถือหุ้นเกือบ 100% โดยบริษัทโฮลดิ้ง
นอกจากนี้การปรับโครงสร้างครั้งนี้จะไม่กระทบต่อหุ้นกู้ของบริษัท เพราะฐานะการเงิน ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ หรือความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกหุ้นกู้ไม่แตกต่างไปจากเดิม เนื่องจากบริษัทฯ ในฐานะผู้ออกหุ้นกู้ยังคงมีรายได้มาจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์จากการประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ได้เหมือนเดิมทุกประการ
สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทวางเป้าหมายมีการเติบโตของรายได้ 30% เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยปัจจุบันมีเงินลงทุนไตรมาสที่ 1 ที่ 1,526 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นพอร์ตของหนี้ธุรกิจ 76% และพอร์ตของหนี้บ้าน 24% ทั้งนี้เป้าหมายการเติบโตของพอร์ต บริษัทต้องการมีพอร์ตสินเชื่อทะลุ 2.4 พันล้านบาท.
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่