ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 11 ก.ค.66 ปิดที่ 1,496.96 จุด เพิ่มขึ้น 0.07 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 34,197.10 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 443.54 ล้านบาท
“วรรณจันทร์ อึ้งถาวร” รองกรรมการผู้จัดการ สายการลงทุน บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) ประเมินหุ้นไทยจะปรับตัวดีขึ้น หากการเมืองมีความชัดเจนโดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ คาดนักลงทุนมองข้ามไปถึงไตรมาส 4/66 เนื่องจากช่วง 1-2 สัปดาห์นี้คงยังไม่เห็นอะไรเด่นชัด
ขณะที่มุมมองนักลงทุนต่างชาติ เชื่อว่าหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำการจัดตั้งรัฐบาลได้จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยและหนุนให้เม็ดเงินฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลกลับเข้ามามากกว่ากรณีพรรคก้าวไกล เนื่องจากก้าวไกลมีนโยบายหลายด้านที่ขัดกับตลาดทุน เช่น การยกเลิกกลุ่มทุนผูกขาด ซึ่งอาจกระทบต่อบริษัทขนาดใหญ่ (หุ้นบิ๊กแคป) ในตลาดหุ้นหลายบริษัท ส่วนกรณีที่หากมีการตั้งรัฐบาลผสมและไม่มีความรุนแรง ดัชนีน่าจะทรงตัวได้
ให้แนวต้านเดิมไว้ที่ 1,620 จุด และแนวรับต่ำสุดที่ 1,400 จุด (อิงระดับ EPS ที่ 92 บาท/หุ้น และค่าพีอี 12 เท่า) มองว่าช่วงดัชนีต่ำกว่า 1,500 จุด ถือเป็นจุดที่น่าสนใจทยอยซื้อได้ โดยกลุ่มหุ้นที่แนะเลือกลงทุน ได้แก่ กลุ่มพลังงานทดแทน เพราะราคาหุ้นลดลงค่อนข้างมาก รวมถึงหุ้นปันผลดีและหุ้นที่สร้างกระแสเงินสดและกำไรสม่ำเสมอ
ปิดท้ายโฟกัสหุ้น CPALL บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินงบไตรมาส 2/66 กําไรโต YoY ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ คาดการณ์กําไรสุทธิที่ 3.9 พันล้านบาท +30% YoY แต่ -5% QoQ กลยุทธ์ลงทุน OUTPERFORM สำหรับ CPALL ราคาเป้าหมายสิ้นปี 66 ที่ 78 บาท
บล.เอเซียพลัส ได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 66-67 ของ CPALL ลงจากเดิม 9% และ 5% ตามการปรับลดกำไรของ CPAXT งวดครึ่งแรกปีนี้ ที่คาดจะออกมาอ่อนแอ ทำให้ราคาเป้าหมายปี 66 ลดจาก 72 บาท เหลือ 65.50 บาท แต่ยัง Outperform เชื่อกำไรได้ผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้ว และจะไต่ระดับดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/66 และหากปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 67 จะอยู่ที่ 79 บาท ส่วนบล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) แนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 79 บาท
ปิดท้าย บล.กรุงศรี พัฒนสิน คาดไตรมาส 2/66 ที่ 3.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% YoY และ 4% QoQ แรงหนุนจากยอดขายต่อสาขาเดิมที่ยืน 6.5% ได้ ยังคงแนะซื้อเก็งกำไร ให้ราคาเป้าหมายที่ 68 บาท.
อินเด็กซ์ 51