เปิดข้อมูล แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป รพ.เอกชนเบอร์ต้นปทุมธานี ไอพีโอ 21 บาทแพงหรือไม่

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เปิดข้อมูล แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป รพ.เอกชนเบอร์ต้นปทุมธานี ไอพีโอ 21 บาทแพงหรือไม่

Date Time: 27 มิ.ย. 2566 16:17 น.

Video

เบื้องหลังโลก “คริปโต” จากเคยถูกต่อต้าน ทำไมตอนนี้ทั้งรัฐบาล ธนาคารถึงยอมรับ ? | Digital Frontiers EP.52

Summary

เปิดข้อมูล บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PHG โรงพยาบาลเอกชนเบอร์ต้น ในเขตปทุมธานี เคาะราคาเสนอขายไอพีโอ 21 บาทต่อหุ้น ระดมทุนขยายธุรกิจ ด้วย P/E 26.58 เท่า แพงหรือไม่

ธุรกิจเฮลท์แคร์ถือเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโต รวมถึงมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่โลกต้องเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งแม้ว่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ดีในช่วงหลัง แต่การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและการเพิ่มขึ้นของประชากรก็เป็นอีกปัจจัยขับเคลื่อนหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจนี้ยังอยู่ในเมกะเทรนด์


ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานประกันสังคม ชี้ให้เห็นว่า จำนวนประชากรและผู้ประกันตนในจังหวัดปทุมธานี มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PHG ก็มีการเติบโตสอดคล้องกับโอกาสนั้นด้วยเช่นกัน


บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PHG เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดธุรกิจบริการ (SERVICE)/การแพทย์ (HELTH) เพื่อระดมทุนขยายธุรกิจโรงพยาบาล ด้วยราคาเสนอขายไอพีโอที่ 21.00 บาท จำนวน 54 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท คิดเป็น 18% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 26.58 เท่า


สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง ปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 104.64 ล้านบาท  คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 6.73% ต่อมาปี 2564 ทำกำไรสุทธิได้ถึง 317.48 ล้าน มีอัตรากำไรสุทธิ 15.99% ขณะที่ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 293.10 ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 14.27% และล่าสุดสิ้นไตรมาส 1/66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 44.55 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิที่ 9.11% สะท้อนให้เห็นถึงผลประกอบการที่มีความแข็งแกร่งมาอย่างต่อเนื่อง


นายรณชิต แย้มสอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PHG เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้นำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุน หรือ โรดโชว์ ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากพื้นฐานธุรกิจซึ่งมีความแข็งแกร่งและโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคต ทำให้มีความมั่นใจยิ่งขึ้นในการเดินหน้านำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง


โดย PHG ประกอบธุรกิจหลัก คือ ให้บริการทางการแพทย์ ภายใต้กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต 3 แห่ง ทั้งหมด 270 เตียง แบ่งเป็น 1. โรงพยาบาลแพทย์รังสิต จำนวน 155 เตียง 30 ห้องตรวจ เน้นกลุ่มลูกค้าโครงการสวัสดิการภาครัฐ 2. โรงพยาบาลแพทย์รังสิต 2 จำนวน 59 เตียง 29 ห้องตรวจ เน้นกลุ่มลูกค้าทั่วไป และ 3. โรงพยาบาลเฉพาะทางแม่และเด็กแพทย์รังสิต จำนวน 56 เตียง 15 ห้องตรวจ


นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการศูนย์หัวใจ 24 ชั่วโมงที่มีศักยภาพในการผ่าตัดหัวใจแบบเปิด หรือ Open Heart Surgery ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการที่รับการส่งต่อเฉพาะด้านการทำหัตถการรักษาหลอดเลือดโคโรนารีผ่านสายสวน ระดับ 1 ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ซึ่งถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งเดียวใน สปสช. เขต 4 ซึ่งประกอบด้วย นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี และนครนายก


โดยบริษัทสามารถรักษาสัดส่วนรายจากทั้งกลุ่มลูกค้าทั่วไปและลูกค้าจากสวัสดิการภาครัฐได้ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากกลุ่มเดียว โดยในไตรมาสที่ 1/66 มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้าทั่วไป 53.55% และลูกค้าตามโครงการสวัสดิการภาครัฐ 46.45%


ทั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินระดมทุนที่ได้จากการเสนอขายหุ้นไอพีโอทั้งหมด 1,134 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการช่วงปี 2566-2569 ประกอบไปด้วย

1. เพื่อเป็นเงินทุนในโครงการก่อสร้างอาคารจอดรถภายในปี 2567 จำนวน 100 ล้านบาท

2. เพื่อเป็นเงินทุนในโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ที่ 1 ภายในปี 2567 จำนวน 200 ล้านบาท

3. เพื่อเป็นเงินทุนในโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ที่ 2 ภายในปี 2569 จำนวน 300 ล้านบาท

4. เพื่อเป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ภายในปี 2567 จำนวน 250 ล้านบาท

5. เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงินบางส่วนภายในปี 2566 จำนวน 150 ล้านบาท

6. เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจภายในปี 2566 จำนวน 134 ล้านบาท


ด้านนางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของบริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PHG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของบริษัท สะท้อนให้เห็นถึงผลประกอบการที่มีความแข็งแกร่งมาอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายธุรกิจตามแผนวัตถุประสงค์การใช้เงินภายหลังการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์


ทั้งนี้มองว่าหุ้นของ PHG ค่อนข้างมีความน่าสนใจในการลงทุน เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรก เปิดให้บริการมาแล้ว 36 ปี และได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีแนวโน้มเชิงบวกด้านภูมิศาสตร์และประชากรศาสตร์ โดยจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นกว่า 16% จากปี 2555-2565


ขณะเดียวกันยังให้บริการทางการแพทย์ครอบคลุมกว่า 20 สาขา และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจและโรคซับซ้อนสำหรับแม่และเด็ก พร้อมทั้งมีรายได้มั่นคงจากสามารถรักษาระดับสัดส่วนรายได้จากผู้ประกันตนได้ โดยปัจจุบันมีจำนวน 156,000 คน ซึ่งใกล้เต็มโควตาแล้ว


นอกจากนี้ ยังมีอัตราผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) ในระดับใกล้เต็มกำลังการให้บริการ ซึ่งการใช้เงินไอพีโอเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในครั้งนี้ จะช่วยให้บริษัทสามารถรับผู้ป่วยได้มากขึ้น อีกทั้งการขยายธุรกิจแนวดิ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในอนาคตได้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ