
ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2566 SET Index ปิดที่ระดับ 1,533.54 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อนหน้า และปรับลดลง 8.1% จากต้นปี โดยปรับไปในทิศทางเดียวกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นในอาเซียน
โดยความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นในภูมิภาคตั้งแต่ต้นปี พบว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง 8.4%, ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 8.2%, ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 11.4%, ดัชนี MSCI ASEAN ลดลง 4%, ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 0.1%, ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 4.1%, ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 2.5%, ดัชนี MSCI EM เพิ่มขึ้น 0.2%, ตลาดหุ้นอินเดีย เพิ่มขึ้น 2.4%, ตลาดหุ้นเวียดนาม เพิ่มขึ้น 7.4%, ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.6%, ตลาดหุ้นเกาหลี เพิ่มขึ้น 9.7%, ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 17.1% และตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 11%
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย SET Index ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ถือว่า Underperform หรือต่ำสุดติด 5 อันดับแรกของโลก โดยปรับตัวลดลงราว 8% หากเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะตลาด Nasdaq ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงกว่า 10% หรือค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นยุโรปที่เพิ่มขึ้น 10-15% ถือว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างมาก เกิดจากการปรับลดสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ ตั้งแต่ต้นปีมูลค่าลดลงรวมกว่า 1 แสนล้านบาท
ขณะที่ นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี ปรับตัวลดลงแล้วราว 8-12% เป็นการเคลื่อนไหวในระดับแย่ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในเอเชียด้วยกัน โดยเฉพาะเวียดนาม ญี่ปุ่น ที่มีการฟื้นตัวดี จากประเด็นการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปในปีนี้ โดยแนะนำลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการบริโภคในประเทศเป็นหลัก ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มท่องเที่ยว.