ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นของ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK วันนี้ เปิดตลาดที่ราคา 0.25 บาทต่อหุ้น หรือลดลง 89.5% จากราคาล่าสุดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ 2.38 บาทต่อหุ้น หลังกลับเข้ามาซื้อขายอีกครั้งเป็นวันแรกในรอบ 3 เดือน ท่ามกลางความกังวลจากนักลงทุน ที่มองว่าบริษัทจะสามารถส่งงบการเงินได้ตามกำหนดอีกครั้งหรือไม่ หลังจากผิดนัดมาแล้วถึง 3 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัท มีมติไม่ยกเว้นเหตุผิดนัด เรียกคืนมูลค่าค้างชำระรวม 2,241 ล้านบาท ทำให้เกิดแรงเทขายหุ้นออกมาจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ STARK ถูกสั่งห้ามซื้อขายโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย SP ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม เหตุไม่ส่งงบการเงินประจำปี 2565 และไตรมาส 1 ปี 2566 ตามกำหนด ต่อมาตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงจะเปิดให้ซื้อขายได้ชั่วคราว เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายได้ก่อนที่หลักทรัพย์ STARK จะถูกหยุดพักการซื้อขายต่อ โดยจะเปิดให้ซื้อขายเป็นเวลา 1 เดือน ระหว่างวันที่ 1-30 มิถุนายน 2566
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้การซื้อขายจะต้องซื้อด้วยบัญชี Cash Balance และขึ้นเครื่องหมาย NC กำกับตลอดระยะเวลาที่ให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ เพื่อเตือนผู้ลงทุนให้ใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์ รวมถึงกำหนดให้การซื้อขายหลักทรัพย์ STARK ในวันแรกมีราคาสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) ไม่เกินหนึ่งเท่าจากราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย และตลาดหลักทรัพย์ฯ จะไม่นำหลักทรัพย์ STARK มารวมในการคำนวณดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ (SET Index)
ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์ฯ แจ้งขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลผลการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ของ STARK หลังที่ประชุมผู้ถือ หุ้นกู้หมายเลข STARK239A และ STARK249A เงินต้นค้างชำระรวม 2,241 ล้านบาท มีมติไม่ยกเว้นเหตุผิดนัด และใช้สิทธิเรียกให้ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้หุ้นกู้โดยพลัน และก่อให้เกิดเหตุผิดนัดไขว้ (cross default) ภายใต้สัญญาทางการเงินอื่นๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาตัดสินใจลงทุน และขอให้ใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์ด้วย
ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส กล่าวว่า สำหรับหุ้นของ STARK เท่าที่ประเมินสถานการณ์แล้วมองว่า หากบริษัทยังไม่มีการส่งงบการเงินตามกำหนดแบบนี้ ถือเป็นความเสี่ยงสำหรับการลงทุน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีผู้สอบบัญชีกล้ารับรองงบการเงิน
ตามระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ของ STARK วันนี้ ถือเป็นการเปิดการซื้อขายชั่วคราวเท่านั้น หากบริษัทไม่สามารถส่งงบการเงินหรือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ จะนำไปสู่การขึ้นเครื่องหมาย SP ต่อไปในระยะยาว อย่างไรก็ดี แนะนำนักลงทุนว่า การลงทุนในหุ้นของ STARK มีความเสี่ยงสูง จึงไม่อยากให้เข้าไปลงทุนเท่าไรนัก