ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 14 มี.ค.66 ปิดที่ 1,523.89 จุด ลบ 49.18 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 103,833.09 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 4,727.13 ล้านบาท
หุ้นไทยดิ่งลงแรงกว่า 50 จุด จาก Sentiment หุ้นต่างประเทศ กังวล ผลกระทบจาก SVB ล้ม และทิศทางราคาน้ำมันที่เป็นลบกดดันตลาด ทำให้นักลงทุนอยู่สู่โหมด “Risk-off” และรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ
บล.โกลเบล็ก ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ปรับตัวในลักษณะ Sideway Down โดยนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการลุกลามจากการสั่งปิดกิจการธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ประกาศปิดกิจการและคำสั่งปิดกิจการของซิกเนเจอร์ แบงก์ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่ปล่อยกู้ให้กับอุตสาหกรรมคริปโต ประกอบกับยังจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในวันที่ 21-22 มี.ค. เพื่อรอดูทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ขณะที่นักวิเคราะห์จากธนาคารซิตี้กรุ๊ปเตือนว่า ก่อนหน้านี้รัสเซียจำกัดการส่งออกก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรป พร้อมประกาศว่าจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงในเดือนนี้ เพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกต่อเนื่อง ส่วนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สรุปมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-10 มี.ค.66 พบว่า สถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,870 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 39,914 ล้านบาท ขณะที่บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ซื้อสุทธิ 3,691 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศ (รายย่อย) ซื้อสุทธิ 38,094 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่ต้องจับตาคือ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐฯ เดือน ก.พ. วันที่ 15 มี.ค. ขณะที่จีนรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ม.ค.-ก.พ. ยอดค้าปลีกเดือน ม.ค.-ก.พ. และสหรัฐฯรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ก.พ. และสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 16 มี.ค. รวมทั้งรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯและในวันที่ 21-22 มี.ค. กำหนดการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)
แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์ หากมีประกาศยุบสภาเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งในช่วงเดือนพฤษภาคม โดยหุ้นที่ได้อานิสงส์จากปัจจัยดังกล่าว ได้แก่ TKS, SIRI, PR9, SC, STEC และ STPI
และหุ้นที่แนะนำต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา คือหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ที่ใช้สิทธิ์หมดอย่างรวดเร็ว ได้แก่ MINT, CENTEL, ERW, SPA, AU และ SHR!!
อินเด็กซ์ 51