กังวล!!

ดัชนีตลาดหุ้นไทย วันที่ 17 ก.พ.66 ปิดที่ 1,651.67 จุด ลดลง 6.62 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 53,413.46 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,780.80 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด DELTA ปิด 952 บาท ลบ 24 บาท, PTT ปิด 33.50 บาท บวก 0.75 บาท, JMART ปิด 27.25 บาท ลบ 2.25 บาท, KBANK ปิด 138.00 บาท ลบ 1.50 บาท, PTTEP ปิด 159.00 บาท ลบ 1 บาท

ตลาดหุ้นไทยร่วงลงต่อเนื่อง จากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหนุน Bond Yields และค่าเงินดอลลาร์ฯ อยู่ในระดับสูงสุดของปีนี้ รวมทั้ง GDP ไทยที่ออกมาขยายตัวเพียง 1.4% YoY ใน 4Q22 ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาด ขณะที่กำไรจากบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งออกมาแย่กว่าที่คาดเป็นปัจจัยกดดันตลาด

บล.ทิสโก้มองตลาดหุ้นไทยเมาหมัดต่างชาติ แนะยกการ์ดสูง เน้นการตั้งรับรอจังหวะตลาดสวนกลับ โดยระบุว่า ตลาดหุ้นไทยระยะสั้นยังถูกกดดันจากการไหลออกของกระแสเงินทุนต่างประเทศ และการประกาศผลประกอบการที่ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าที่คาด อย่างไรก็ตาม ทิสโก้มองว่า SET Index ที่ระดับปัจจุบัน 1,650 จุด ลงมาน่าจะเริ่มมี Downside จำกัดแล้วในระยะสั้น

ในแง่กลยุทธ์ แนะนำ “Selective Buy” ทยอยสะสมแบบตั้งรับในช่วงตลาดอ่อนตัว โดยยังคงเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่ SET Index ระดับ 1,700 -1,720 จุด ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า มองการปรับตัวลงของ SET index รอบนี้เป็นการปรับฐานเพื่อหาจุดสมดุลใหม่ และคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งจากภาพการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศที่ยังมีความต่อเนื่อง ผสานกับการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในช่วงกลางเดือนหน้า

ประเด็นหุ้นน่าสนใจระยะสั้น 1.หุ้นคาดงบดีในช่วงโค้งสุดท้าย เน้นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก AU, KISS, PRM, SISB, TIPH 2.หุ้นปันผลเด่นที่คาดจะให้ Div. Yield ที่เหลือมากกว่า 4% แนะนำ AP, BAM, BTSGIF, ICHI, KKP, QH 3.หุ้นที่งบ Q4 แย่แต่สะท้อนไปในราคาหุ้นมากแล้ว กำไรนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวโดดเด่น PTG, PTTGC, SCGP

4.หุ้นที่มีประเด็นบวกระยะสั้น จากเงินบาทพลิกมาอ่อนค่า ชอบ HANA, MEGA, TU หุ้นจีนเปิดประเทศ-การท่องเที่ยวสดใส ชอบ BDMS, BEM, CENTEL, CPALL, CRC, MINT หุ้นเชื่อมโยงการเลือกตั้ง-AEONTS, SC, PLANB, STEC!!

อินเด็กซ์ 51