นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2565 มีรายได้ขายและบริการเพิ่มขึ้น 277,986 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54.3% และ EBITDA เพิ่มขึ้น 273 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.3% จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่คลี่คลาย ทำให้ภาพรวมปริมาณขายปรับเพิ่มขึ้นกว่า 15% ในทุกกลุ่มธุรกิจ และยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (Share of Income) ที่เพิ่มขึ้น โดยหลักมาจาก บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด และผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการร่วมลงทุนกับพันธมิตร (Partners) ในกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ในช่วงปี 2564 แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 จะมีต้นทุนผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในส่วนของธุรกิจ Mobility ส่งผลให้ในปี 2565 มีกำไรสุทธิ จำนวน 10,370 ล้านบาท ลดลง 1,104 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.86 บาทต่อหุ้น
สำหรับฐานะทางการเงินของ OR ยังคงแข็งแกร่ง โดย ณ 31 ธันวาคม 2565 OR มีสินทรัพย์รวม 225,504 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17,845 ล้านบาทจากสิ้นปี 2564 โดยได้เตรียมงบลงทุนสำหรับปี 2566 ไว้ที่ 31,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าภาพรวมของการเติบโตของธุรกิจในปีนี้จะเติบโตได้ดี จากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีขึ้น
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 บริษัทมีรายได้ขายและบริการ 206,268 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,473 ล้านบาท (+5.9%) จากไตรมาสก่อนหน้า โดยหลักจากปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และอุปสงค์ ที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่คลี่คลายขึ้นสำหรับภาพรวมของค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิเพิ่มขึ้นจากค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษาทรัพย์สิน ค่าโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และส่งเสริมการขาย รวมทั้งมีการตั้งสำรองด้อยค่าเงินลงทุนในประเทศเมียนมา ทั้งหมดเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ OR มีผลขาดทุนสุทธิ จำนวน 744 ล้านบาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า OR ประกาศผลขาดทุนสุทธิไตรมาสที่ 4 ที่ 741 ล้านบาท และต่ำกว่าตลาดคาด แต่หากตัดรายการ Stock Loss และ Impairment ออก จะมีกำไรปกติ 664 ล้านบาท แต่ยังลดลงจากไตรมาสก่อน 14% และลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 65% จากธุรกิจน้ำมันที่ขาดทุนขณะที่ Non-Oil มี กำไรลดลง จบปี 2565 กำไรลดลง 3% จากปีก่อน อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่จะผ่านจุดต่ำสุดก่อนทยอยฟื้นตัวปีนี้ โดยเฉพาะจากประเด็น กบง.เห็นชอบปรับค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงสู่ระดับปกติหลังสถานการณ์ราคาน้ำมันที่สูงปีก่อนคลี่คลาย ทำให้ธุรกิจน้ำมันจะกลับมามีกำไรได้อีกครั้ง เรายังคงราคาเป้าหมาย 26 บาท แนะนำ “ซื้อ”
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า OR รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ขาดทุน 744 ล้านบาท มาจากค่าการตลาดที่ลดลง แม้รายได้จะเพิ่มขึ้น ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่เพียงพอชดเชยต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยบริษัทรายงานค่าการตลาดไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 0.48 บาทต่อลิตร เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มยอดขาย และค่าการตลาดในปี 2023 เราคาดว่ายอดขายจะเพิ่ม 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการขยายตัวของยอดขายรถในประเทศ และกิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 33.00 บาท โดย OR ยังเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มพลังงาน