ตลาดผันผวนต่อ!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 15 ก.พ.66 ปิดที่ 1,647.39 จุด ลดลง 5.37 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 114,226.12 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 5,619.20 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PQS ปิด 5.75 บาท ลบ 0.25 บาท, JMT ปิด 42.75 บาท ลบ 7.25 บาท, KBANK ปิด 141.50 บาท ลบ 1 บาท, PTTEP ปิด 157.50 บาท ลบ 3.50 บาท, DELTA ปิด 904 บาท บวก 24 บาท

บล.เอเซียพลัส ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทย เดือน ก.พ.66 ยังผันผวนต่อเนื่อง หลัง Flow ต่างชาติไหลออกกว่า 2.1 หมื่นล้านบาท สาเหตุหลักมาจากกำไร 4Q65 มี Negative Surprise หรือผิดจาก Consensus ที่คาดการณ์ไว้ถึง 22% โดยมีการรายงานออกมาแล้ว 65 บริษัท (Market Cap 38%) มีกำไรสุทธิรวม 7 หมื่นล้านบาท ลดลง -33.2% QoQ และ -23.4% YoY

หากพิจารณาในมุม Target SET Index นอกจากมี Downside ของประมาณการ EPS66F ยังมีประเด็นกดดันเพิ่มจากการขึ้นดอกเบี้ยของ กนง. ซึ่งคาดว่าดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสขึ้นอีก 1 ครั้งในปีนี้ (1.75%) ตามกลไกจะกดดัน P/E ตลาดให้ซื้อขายถูกลง 0.73 เท่า เหลือ 16.81 เท่า และเมื่อนำไปคูณกับ EPS66F ที่ระดับ 97.2-99.2 บาท/หุ้น ทำให้ Target SET Index อยู่ระหว่าง 1,634-1,667 จุด

นอกจากนี้ ค่าเงินบาทอาจถูกกดดันให้อ่อนค่าในช่วงสั้น หลังนักลงทุนกังวล Fed มีโอกาสเร่งขึ้นดอกเบี้ยในช่วงถัดไปมากขึ้น ตามเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงช้ากว่าคาด จะทำให้ต่างชาติมีโอกาสขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมได้ เอเซียพลัสคาดว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน ก.พ.-เม.ย. ยังมีแรงหนุนให้ชะลอตัวลงได้เร็วขึ้นจากฐานราคาน้ำมันปีที่แล้วที่สูงผิดปกติ!!

ปิดท้าย บล.ทิสโก้ ออกบทวิเคราะห์ ระบุว่า กบง.ปรับค่าการตลาดดีเซลและกลุ่มเบนซิน กลับคืนสภาวะปกติที่ 2 บาท/ลิตร จากเดิมที่คุม ดีเซลไว้ที่ 1.40 บาท เป็นผลดีต่อปั๊มน้ำมันที่มีสัดส่วนดีเซลสูงอย่าง PTG มากสุด (สัดส่วนดีเซล 75%) ที่ผ่านมา PTG ได้รับผลกระทบจากการคุมค่าการตลาด ทำให้ผลประกอบการ 4Q22F มีแนวโน้มอ่อนตัวอย่างมาก ด้วยประเด็นข่าวนี้ ทิสโก้กลับมามีมุมมองเป็นบวกต่อ PTG มากยิ่งขึ้น รวมทั้งราคาหุ้นที่ปรับลง 10% ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ได้สะท้อนแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนตัวและแรงกดกันจากราคาดีเซลไปแล้ว

ทำให้มี upside 21% ต่อราคาเป้าหมายที่ 16 บาท!!

อินเด็กซ์ 51