เลี่ยงหุ้น  China Plays!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 8 ส.ค.65 ปิดที่ 1,608.87 จุด เพิ่มขึ้น7.78จุด มีมูลค่าซื้อขาย 63,266.08 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ4,487.33 ล้านบาท

บล.โนมูระพัฒนสิน ออกบทวิเคราะห์ กรณี “เพโลซี” ประธานสมาชิกผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวัน เป็นความเสี่ยงต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ต้องติดตามใกล้ชิด แม้การเดินทางออกจากไต้หวันแล้ว จะช่วยผ่อนคลายจิตวิทยาลบ แต่ต้องติดตามมาตรการจีนต่อไต้หวันอีกระยะ ว่าจะเห็นการยกระดับจากที่มีการประกาศไว้ ซึ่งยังเข้าข่าย “กรณีไม่มีความรุนแรง” หรือไม่

ทั้งนี้ Nomura ประเมินผลกระทบกรณีต่างๆ ดังนี้ 1.กรณีไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น คาดค่าเงิน USD/TWD และ USD/CNH จะแข็งค่าขึ้นราว 1–2% และตลาดหุ้นไต้หวันจะปรับฐานราว 2.7–7.3% สอดคล้องกับการทดสอบขีปนาวุธที่เคยเกิดขึ้น 3 ครั้งระหว่างปี 1995–1996 (18 ก.ค.95, 10 ส.ค.95 และ 5 มี.ค.96)

2.กรณีที่ใช้ความรุนแรงจะสร้างผลกระทบที่มีนัยสำคัญ อาทิ ค่าเงินทั้งภูมิภาคเอเชียจะอ่อนค่า จากกระแสเงินทุนไหลออกไปพักที่ Safe Heaven เพื่อลดความเสี่ยง Geopolitical Risk ที่เกิดขึ้นในภูมิภาค อาทิ การออกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมของสหรัฐฯต่อการกระทำของจีน

ประเมินประเด็นนี้เป็นความเสี่ยงใหม่ต่อตลาด โดยหากเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง หรือฟื้นตัวต่ำกว่าคาดในปี 23F อาจส่งผลเกี่ยวเนื่องมายังภาพเศรษฐกิจไทยปี 23F ที่คาดว่าจะโดดเด่นน้อยลง เทียบกับประเทศพัฒนาแล้วที่เข้าสู่ภาวะถดถอย กรอบการฟื้นตัวของ SET ที่ประเมินไว้ช่วงปลาย 3Q22 ถึงต้นปี 23F มีโอกาสจำกัดขึ้น

กลยุทธ์ระยะสั้นให้หลีกเลี่ยงหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับไต้หวัน อาทิ DELTA (เป็นจังหวะขายทำกำไรจาก Upside เทียบราคาเป้าหมายที่เริ่มจำกัด) และหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่ม China Plays อาทิ IVL, PTTGC, TOP, HANA และกลุ่มท่องเที่ยวไปก่อน

ส่วนหุ้นที่ลงทุนได้ภายใต้ความเสี่ยงนี้ คือกลุ่มนิคมที่มีโอกาสได้รับประโยชน์ (AMATA (TP@25.0)), (WHA) (TP@4.2)), กลุ่มอื่นที่ตลาดมองเป็น ทางเลือก คือหุ้น Defensive รองรับความเสี่ยงผลกระทบ ที่อาจมีต่อเศรษฐกิจได้ (BDMS (TP@31)), BCH (TP@23.7) และ CHG (TP@4.2)

หุ้น High Growth ที่อิงเศรษฐกิจในประเทศ อาทิ IIG (TP@52), BE8 (TP@70), BBIK (TP@106), JMT (TP@105), CHAYO (TP@15.8), SINGER (TP@58)!!

อินเด็กซ์ 51