ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 ส.ค.65 ปิดที่ 1,589.16 จุด ลบ 4.08 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 59,464.45 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,682.53 ล้านบาท ตลาดพักฐานปรับลง หลังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับปัจจัยลบจากต่างประเทศกดดันบรรยากาศการลงทุน
บล.ทรีนีตี้ มองทิศทางลงทุนเดือนสิงหาคม 65 คาด SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,530-1,630 จุด มองการรีบาวด์ขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมาเป็นเพียงปรากฏการณ์ Bear market rally ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจถดถอย แล้วตลาดมีการ Price in ข่าวร้ายไปมาก จึงปรับตัวผ่อนคลายชั่วครั้งชั่วคราว
สอดคล้องกับเงิน USD ที่ถูก Lock profit บางส่วน จนทำให้เกิดแรง Cover short กลับคืนในกลุ่มสกุลเงิน EM ส่งผลให้มีการซื้อหุ้นไทยกลับของต่างชาติตามเงินบาทที่แข็งค่า
มองเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เข้าสู่ภาวะ Technical recession ในไตรมาส2 ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าตกใจแต่ตัวเลขจีดีพี -0.9% QoQ มีแนวโน้มที่จะยังไม่ใช่จุดต่ำสุดของรอบนี้ อาจทำให้ตลาดหุ้นกลับมาปรับลงอีก หากมีตัวเลขเศรษฐกิจใดที่ส่งสัญญาณอ่อนแอมากขึ้นทำให้นักลงทุน เริ่ม Price in กับความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยที่ลึกขึ้น
อีกปัจจัยที่น่ากังวล ได้แก่ ความชะล่าใจของนักลงทุน โดยเฉพาะการขึ้น ดอกเบี้ย Fed เนื่องจากหากดูจาก Fed Funds futures ล่าสุดจะพบว่าตลาด Price in การขึ้นดอกเบี้ย Fed ในการประชุมครั้งถัดไปเพียง 50 bps ซึ่งหากเงินเฟ้อสหรัฐฯยังทรงตัวในระดับสูงจนทำให้ Fed ตัดสินใจเร่งการขึ้นดอกเบี้ย อาจเป็นปัจจัยที่กลับมาทำให้เงิน USD แข็งค่าและกดดันสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้งได้ โดยต้องจับตาตัวเลข CPI สหรัฐฯ ซึ่งจะออกมาวันที่ 10 ส.ค.นี้
ในเชิงกลยุทธ์ ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญสำหรับตัวแปรทางเศรษฐกิจ จึงแนะนักลงทุนที่เข้าสะสมหุ้นบริเวณ 1,500-1,530 จุด ทยอยขายทำกำไรที่ 1,580จุดขึ้นไป ซึ่งเป็นเส้นแบ่งความถูก/แพงของดัชนีที่เคยให้ไว้ มองกรอบแนวต้านแรกของดัชนี SET เดือนนี้ที่บริเวณ1,580- 1,600 จุด และแนวต้านสำคัญที่ไม่น่าผ่าน ได้แก่ ระดับ 1,630 จุด ส่วนแนวรับสำคัญของเดือนนี้ให้ไว้ที่บริเวณ 1,530 จุด
จากการตรวจสอบความชันของ Yield curve ทั่วโลกล่าสุดพบว่ายังคงแบนราบ และระดับ 2s10s spread ยังคงอยู่บริเวณจุดต่ำสุด ซึ่งมักเป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อกลุ่ม Cyclical ที่การปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมาอาจเป็นเพียง Technical rebound ช่วงสั้นเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มหุ้นแนะนำเดือนนี้ยังคงเน้นไปที่กลุ่ม Defensiveplay เป็นสำคัญ อาทิ BDMS, CPALL, GPSC, RATCH, WHAUP, ADVANCผนวกกับการ Selective หุ้นเด่นใน Sector อื่นๆอย่าง BBL, CPF, JMT, OR!!
อินเด็กซ์ 51