ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 13 พ.ค.65 ปิดที่ 1,584.38 จุด ลบ 0.14 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 75,432.41 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,335.05 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BDMS ปิด 27 บาท บวก 1 บาท, JMT ปิด 68 บาท ลบ 0.50 บาท CPF ปิด 24.70 บาท บวก 1.10 บาท, IVL ปิด 46.50 บาท บวก 2.25 บาท, CRC ปิด 35.50 บาท ลบ 1.25 บาท
ตลาดยังถูกกดดันด้วยปัจจัยเดิมๆ ทั้งเงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขึ้น กดเศรษฐกิจชะลอ เงินทุนไหลกลับสินทรัพย์ปลอดภัย ขายหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง
ขณะที่ล่าสุด MSCI Global Standard Index ประกาศรายชื่อหุ้นไทยที่ถูกคัดเข้า-ออกจากการคำนวณดัชนีรอบใหม่ มีผลวันที่ 30 พ.ค.65 แบ่งเป็น MSCI Global Standard มีหุ้นเข้าใหม่ 1 บริษัท คือ JMT และหุ้นออก 1 บริษัท คือ STGT ขณะที่หุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนักมี 4 บริษัท คือ BDMS, EA, OSP และ BGRIM และหุ้นที่ถูกลดน้ำหนักมี 9 บริษัท คือ CPALL, PTT, RATCH, AOT, SCC, SAWAD, PTTEP และ GULF
ขณะที่ MSCI Small Cap มีหุ้นเข้าใหม่ 10 บริษัท ประกอบด้วย STGT, ASK, BYD, DITTO, FORTH, KEX, PSG, SABUY, STARK และ VIBHA และมีหุ้นออก 2 บริษัท EASTW และ JMT ซึ่งมีผลบังคับใช้ราคาปิด 31 พ.ค.65
บล.เอเซียพลัส แนะกลยุทธ์เก็งกำไรประเด็น MSCI Play โดยแนะนำซื้อหลังประกาศ และขายทำกำไรในวันที่มีผลบังคับใช้ (ระยะเวลาราว 2 สัปดาห์) จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดี ทั้งนี้ เวลาประกาศ MSCI กองทุน หรือนักลงทุนก็จะจัดพอร์ตตามหุ้นที่ประกาศออกมา และส่วนใหญ่หุ้นที่คาดการณ์ไว้ก็จะมีการซื้อ-ขาย กันก่อนประกาศอยู่แล้ว
จากสถิติในอดีตย้อนหลัง 2 ปี พบว่า หุ้นที่เข้า MSCI Global Standard ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 9.8% และมีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวก 71% ส่วน MSCI Small Cap ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7.0% และมีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวก 71%
ส่วนรายชื่อหุ้นที่ถูกคัดเข้า-ออกดัชนี MSCI รอบนี้ เบื้องต้นคาดว่ามีบางบริษัทถูกคัดเข้า-ออกดัชนี SET50 รอบครึ่งปีหลังนี้ต่อเนื่อง คือ JMT มีโอกาสเข้า SET50 และ ASK มีโอกาสเข้า SET100 และ STGT มีโอกาสออกจาก SET50.
อินเด็กซ์51