ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 7 มี.ค.65 ปิดที่ 1,626.70 จุด ลดลง 45.02 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 127,806.20 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,293.61 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTTEP ปิด 153.50 บาท บวก 3 บาท, KBANK ปิด 154 บาท ลบ 7 บาท, BANPU ปิด 12.10 บาท บวก 0.40 บาท, PTT ปิด 38.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, GULF ปิด 46.50 บาท ลบ 3.25 บาท
แรงขายหุ้นใหญ่หนีตายของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ กดหุ้นไทยร่วงแรง กังวลว่าสงครามรัสเซียรุนแรงบานปลายจนอาจส่งผลกระทบเศรษฐกิจโลก จากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น หลังมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรุนแรงขึ้น
บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ความตึงเครียดรัสเซียและยูเครนยังมีน้ำหนักต่อตลาดการเงินของโลก มองผลกระทบเชิงลบต่อตลาด สะท้อนจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะพลังงาน ราคาน้ำมันดิบทะยาน หลังรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯเผยว่า สหรัฐฯและยุโรปกำลังพิจารณาที่จะคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย
ราคาพลังงานที่สูงขึ้นเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มน้ำมัน-โรงกลั่น เช่น PTTEP, PTT, TOP, PTTGC, IVL, IRPC เป็นต้น แต่ความกังวลอาจส่งผลกระทบต่อ Supply chain ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เพราะรัสเซีย-ยูเครนเป็นแหล่ง Supplier หลักของก๊าซ C456 และ Neon ที่ใช้ในขั้นตอนการผลิตแผ่น wafer รวมถึงโลหะอื่นๆ เช่น Palladium, Aluminum, Nickel, Titanium ที่ใช้เป็นส่วนประกอบการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
หากความขัดแย้งยืดเยื้อจะกดดันปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนให้ยืดเยื้อไปนานกว่า 2H65 ได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อแนวโน้มรายได้และประสิทธิภาพการทำกำไรของกลุ่มชิ้นส่วนฯ แต่ราคาหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนฯปรับฐานไปมากตั้งแต่ต้นปี 65 สะท้อนความกังวลไปในระดับหนึ่งแล้ว แนะนำซื้อ KCE (FV@B90) เน้นลงทุนระยะกลาง-ยาว
ขณะที่ความเสี่ยงรัสเซีย-ยูเครนแม้กระทบไทยจำกัด แต่ไล่ Flow ออกจากสินทรัพย์เสี่ยงไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย โดย Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสแกว่งตัวในแดนลบตาม
แนะให้อาศัยจังหวะที่ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากความกังวลรัสเซีย-ยูเครน เป็นช่วงที่เข้าทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง และกำไรมีแนวโน้มฟื้นตัว ชอบ PTT-MAKRO-DTAC!!
อินเด็กซ์ 51