ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 มี.ค.65 ปิดที่ 1,696.08 จุด เพิ่มขึ้น 6.27 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 113,829.10 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,853.39 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTTEP ปิด 150.50 บาท บวก 1 บาท, BANPU ปิด 12.50 บาท บวก 0.40 บาท, PTT ปิด 40 บาท บวก 0.25 บาท, KBANK ปิด 162 บาท บวก 1.50 บาท, AOT ปิด 64.75 บาท บวก 2.00 บาท
หุ้นไทยพุ่งบวกตามตลาดต่างประเทศ หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ หวังคุมเงินเฟ้อ ขณะที่สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนยังต้องจับตาใกล้ชิด
บล.โนมูระ พัฒนสิน มองตลาด Sideways Up หลังถ้อยแถลงของ “เจอโรม พาวเวล” ประธาน Fed ต่อสภาคองเกรส ย้ำความสำคัญของการคุมเงินเฟ้อ มากกว่ากังวลความเสี่ยงระหว่างรัสเซีย-ยูเครน พร้อมส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.นี้ แต่จะปรับขึ้น 25bps น้อยกว่าที่เคยส่งสัญญาณในช่วงก่อนหน้าว่าจะปรับขึ้น 50bps
ส่งผลให้ Bloomberg consensus ระบุว่า นักลงทุนให้โอกาส 95% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค. และจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 5 ครั้งในปีนี้
เป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวเด่น ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงเร่งตัวขึ้น
แนะกลยุทธ์ลงทุนยังคงคำแนะนำให้น้ำหนักถือหุ้น 60% ระยะสั้นเน้นหุ้น Laggard คือ HMPRO, CPALL, MAKRO, BCPG, BCP, TIDLOR, MAKRO, ADVANC ขณะที่กลุ่มตะวันออกกลางมี Wealth Effect จากราคาน้ำมัน ดีต่อ BDMS, BH, BCH และกลุ่มฐานกำไรดี JMT, AP, BE8
ระยะยาว Stock Picks ADVANC, AMATA, GPSC, KBANK, KCE, MAKRO, SCB, TIDLOR
บล.เอเซียพลัสระบุว่า จากความกังวลรัสเซียและยูเครนที่ยังคงอยู่ โดยเฉพาะการเจรจาที่ยังไม่ชัดเจน ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ขยับขึ้นได้ต่อ เช่น ถ่านหินเพิ่มขึ้น 46%, น้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 6-7% โดยราคาน้ำดิบที่เพิ่มขึ้นยังได้แรงหนุนจากมติที่ประชุม OPEC+ ที่คงการปรับเพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรลในเดือน เม.ย.65 ตามเดิม แม้ราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับสูงมาก
เชื่อว่าจะช่วยสร้างแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น BANPU, LANNA, PTTEP, PTT, TOP
อินเด็กซ์ 51