ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 ม.ค.65 ปิดที่ 1,676.87 จุด เพิ่มขึ้น 4.24 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 82,389 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,262.64 ล้านบาท
บล.หยวนต้า มองหุ้นกลุ่ม Reopening เช่น AOT, CPN, MINT, CENTEL, BA ฟื้นตัวได้ดี จากยอดผู้ติดเชื้อในประเทศและทั่วโลกที่เริ่มชะลอการปรับขึ้น แต่เนื่องจากการฟื้นตัวของผลประกอบการทั้งกลุ่มยังล่าช้า กรอบการ Rebound ของราคาหุ้นจึงยังจำกัด กลุ่มเด่นในเชิงกลยุทธ์ยังเป็น Oil Play, Earning Play และ Dividend Play เช่น IRPC, SPRC, OSP, TFG, NER, TISCO เป็นต้น
ขณะที่ บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ระบุ บทบาทสถาบันลดน้อยลง ทำให้ต้องโฟกัสแรงซื้อต่างชาติมากขึ้น ชอบ IVL-INSET-TVO โดยทางเลือกในการลงทุนที่เปิดกว้างและสามารถลงทุนต่างประเทศได้มากขึ้น หนุนให้สถาบันในประเทศมีการออกกองทุนหุ้นต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
โดยปี 2020 มี 426 กองทุน มูลค่า 3.8 แสนล้านบาท ขณะที่ปี 2021 เพิ่มขึ้นเป็น 664 กอง รวมมูลค่า 6.8 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3.03 แสนล้านบาท) ดังนั้น จึงทำให้สัดส่วนแรงซื้อขายหุ้นไทยของสถาบัน ลดลงอย่างชัดเจนเหลือ 7.0% ในปี 2021 (ปกติสูงเกิน 10%) ส่งผลให้บทบาทของสถาบันในประเทศที่มีต่อหุ้นไทยลดน้อยลงอย่างมีนัย
ขณะที่ต่างชาติที่มีผลต่อตลาดฯเพิ่มขึ้น โดยต่างชาติมีสัดส่วนการซื้อขายปีล่าสุดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 39.2% และหากพิจารณาช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา พบว่า มูลค่าซื้อสุทธิต่างชาติรายวัน กับการเคลื่อนไหวของ SET Index เคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันเสมอ
และเชื่อว่าต่างชาติยังคงให้น้ำหนักตลาดหุ้นไทยมากกว่าต่างประเทศในช่วงนี้ เนื่องจากน้ำหนักส่วนใหญ่ตลาดหุ้นไทยเป็นหุ้นวัฏจักรที่ได้ประโยชน์จากราคา Soft & Hard Commodity ยังปรับขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงดัชนีหุ้นไทยยังปรับขึ้นไม่มากจากช่วงก่อนเกิดโควิด 6.3% เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นต่างประเทศ
กลยุทธ์ลงทุนช่วงกังวลเงินเฟ้อ เน้นสะสมหุ้นพื้นฐานดีมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว แนะนำ INSET (ได้ประโยชน์จาก Trend Data Center ที่มีมากขึ้นในอนาคต), TVO (ราคา Laggard ราคาน้ำมันปาล์มปรับตัวขึ้นโดดเด่นกว่า 25% YTD), IVL (Outperform ช่วงนี้ และผลประกอบการงวด 4Q64 เติบโตเด่นกว่าในอดีต)
อินเด็กซ์ 51