ขึ้นแบบเปราะบาง

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ขึ้นแบบเปราะบาง

Date Time: 7 ก.ย. 2564 05:01 น.

Summary

  • ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 6 ก.ย.64 ปิดที่ 1,648.37 จุด ลดลง 1.96 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 78,324.98 ล้านบาท

Latest

ส่องราคาหุ้น 2 แบงก์ หลังประกาศงบ KBANK บวก 1.01% กำไรยังโตได้ ด้าน KKP ร่วง 7.17% กำไรวูบหนัก

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 6 ก.ย.64 ปิดที่ 1,648.37 จุด ลดลง 1.96 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 78,324.98 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BANPU ปิด 12.90 บาท บวก 1.50 บาท, GULF ปิด 41.75 บาท ลบ 0.75 บาท, CPALL ปิด 62.50 บาท ลบ 0.50 บาท, DELTA ปิด 764 บาท บวก 34 บาท และ SCGP ปิด 67 บาท ลบ 1.50 บาท

บล.เอเซียพลัส ระบุว่า หุ้นไทยที่ปรับขึ้นมาเร็วและแรงก่อนหน้านี้ เป็นการปรับขึ้นที่ยังขาดคุณภาพ และกระจุกตัวในหุ้นสภาพคล่องต่ำ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังการปรับฐานในระยะถัดไป

ดังนี้ 1.การปรับตัวขึ้นของ SET เกิดจากการขึ้นของหุ้นที่กระจุกตัวอยู่ไม่กี่บริษัท สะท้อนได้จากเส้น AD Line ที่ต่ำลง แต่ SET Index กลับเพิ่มขึ้น เหตุการณ์นี้มักจะตามมาด้วยการปรับฐานของดัชนีในระยะถัดไป

2.หุ้นที่กระจุกตัวช่วยผลักดัน SET ช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำ สะท้อนถึงการขึ้นของดัชนีค่อนข้างเปราะบาง โดยตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index ปรับขึ้นมาเร็วมาก 97.1 จุด แต่เป็นการผลักดันจากหุ้นใหญ่ (Market Cap. > 1 แสนล้านบาท) และมีสภาพคล่องต่ำ (Free Float <= 30%) ถึง 39.1 จุด

โดยเฉพาะหุ้น DELTA ปรับขึ้น 33.7% ผลักดัน SET เพิ่มขึ้น 20 จุด และเป็นที่สังเกตว่าการปรับขึ้นอย่างร้อนแรงของหุ้น DELTA หนุนให้มี Market Cap. เพิ่มขึ้น 2.3 แสนล้านบาท ด้วยมูลค่าซื้อขายเพียง 1.8 หมื่นล้านบาทเท่านั้น หรือทุกๆการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นเพียง 1 หน่วย จะหนุน Market Cap. ของ DELTA เพิ่มขึ้นได้ 12.7 หน่วย การขึ้นเร็วผิดปกติแต่ขาดมูลค่าซื้อขายสนับสนุน เป็นอีกส่วนที่แสดงให้เห็นถึงความเปราะบาง

สรุปการขึ้นของ SET Index ยังด้อยคุณภาพ ทั้งแรงผลักที่เกิดจากการกระจุกตัวในบางหุ้น อีกทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำแม้ระยะสั้นยังอาจปรับตัวขึ้นต่อได้ แต่ไม่น่าเกิน 1,670 จุด และอาจจะต้องระมัดระวังการปรับฐานในระยะถัดไป ดังนั้น จึงแนะนำกลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้ ให้เน้นหุ้นพื้นฐานขนาดใหญ่มีแรงหนุนเฉพาะตัว คือ ADVANC, AOT และเกาะกระแส Pending Demand การกลับมาเปิดเมืองกับ M

ปิดท้ายมีข่าวสำนักงาน ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ได้รับแบบรายงานการได้หุ้น บมจ. เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) (KEX) จำนวน 52.14% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ โดย Flourish Harmony Holding company Limited ซึ่งเป็นการได้มาแบบ Chain principle หรือการครอบงำกิจการผ่านนิติบุคคลอื่น

หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อ 3 ก.ย. KEX แจ้งว่า กลุ่ม Flourish ซึ่งเป็นบริษัทย่อยใน SF Holding ขนส่งยักษ์ใหญ่จากจีน ได้ทำคำเสนอซื้อหุ้น KLN 51.5% ซึ่ง KLN มีบริษัทย่อยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน KEX ราว 52.14% นั่นหมายถึงว่า ขณะนี้ผู้ถือหุ้นใหญ่ KEX เปลี่ยนจาก KLN เป็นกลุ่ม Flourish ขนส่งยักษ์ใหญ่จากจีน!!

อินเด็กซ์ 51


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ