หุ้นทั่วโลกยังเปราะบาง

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

หุ้นทั่วโลกยังเปราะบาง

Date Time: 11 ส.ค. 2564 05:01 น.

Summary

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 10 ส.ค.64 ปิดที่ 1,542.62 จุด เพิ่มขึ้น 2.43 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 81,611.14 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,910.08 ล้านบาท

Latest

SET Awards 2025!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 10 ส.ค.64 ปิดที่ 1,542.62 จุด เพิ่มขึ้น 2.43 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 81,611.14 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,910.08 ล้านบาท

บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ตลาดหุ้นยังอยู่ในสภาวะเปราะบาง ตั้งแต่เกิด Covid-19 ในช่วงต้นปี 63 ถึงปัจจุบัน ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยถูกหล่อเลี้ยงด้วยสภาพคล่องส่วนเกิน

ทั้งจากการกระตุ้นด้วยนโยบายการเงินและการคลังแบบจัดเต็ม สะท้อนได้จาก Money Market Fund ในสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นในสัดส่วนสูงกว่าปกติมากล่าสุดอยู่ที่ 5.1 ล้านล้านเหรียญ (ระดับก่อน Covid-19 อยู่ 4.02 ล้านล้านเหรียญ และระดับปกติก่อนสงครามการค้าอยู่ราว 3 ล้านล้านเหรียญเท่านั้น)

เม็ดเงินที่เข้ามาในระบบ ส่วนหนึ่งค่อยๆหนุนตลาดหุ้นทั่วโลกให้ Outperform และอยู่สูงกว่าระดับก่อน Covid-19 มาก อาทิ ตลาดหุ้น Nasdaq ให้ผลตอบแทนสูงกว่าช่วงก่อน Covid ถึง 58%, ตามมาด้วยตลาดหุ้นโลก 29%, ตลาดหุ้นยุโรป 12% และหุ้นไทยที่ให้ผลตอบแทนระดับใกล้เคียงก่อนเกิด Covid-19 หรือลดลงเล็กน้อย 3% แต่คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้ (ESP64F71.2 บาท/หุ้น) ยังไม่กลับไปเท่าและต่ำกว่ากำไรช่วงก่อน Covid-19 พอสมควร

อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นที่ฟื้นขึ้นมาเร็วจากสภาพคล่องล้นระบบ อาจต้องระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น โดยมี 2 ความเสี่ยงหลักที่กดดันและต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในช่วงต่อจากนี้ 1.ความกังวลการลดสภาพคล่องของ Fed รวมถึงประเด็น Tapering QE น่าจะทยอยมีน้ำหนักมากขึ้น เริ่มจากในการประชุม Jackson Hole Symposium วันที่ 26-28 ส.ค.64 ที่คาด Fed มีโอกาสส่งสัญญาณ QE ที่ชัดเจนขึ้น

2.ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่เร่งตัวขึ้น ล่าสุดตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกเฉลี่ย 7 วันย้อนหลัง ล่าสุดอยู่ที่ 6.3 แสนคนต่อวัน (คิดเป็นระดับเปอร์เซ็นไทล์ที่ 83%) รวมถึงตัวเลขผู้เสียชีวิต 1 หมื่นคนต่อวัน (คิดเป็นเปอร์เซ็นไทล์ที่ 71%) ส่วนประเทศที่ฉีดวัคซีน mRNA ปริมาณมากเกือบ 71% ของประชากร อย่างอิสราเอลผู้ติดเชื้อรายวันก็เพิ่มสูงขึ้น มาอยู่ที่ 4.2 พันคนต่อวัน (คิดเป็นเปอร์เซ็นไทล์ที่ 87%) หากผู้ติดเชื้อยังเพิ่มจะกดดันต่อการฟื้นตัวของกำไรบริษัทจดทะเบียน

สรุปคือ ตลาดหุ้นช่วงที่ผ่านมาถูกผลักดันจากสภาพคล่องส่วนเกินเป็นหลัก ขณะที่อุปสรรคข้างหน้ายังมีทั้งการทยอยลดสภาพคล่องลง รวมถึง Covid-19 ระบาดช่วงไตรมาส 3 กดดันเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนลดลง

ดังนั้น นักลงทุนจำเป็นต้องพิถีพิถันในการเลือกหุ้นมากขึ้น แนะ กลยุทธ์หาจังหวะลงทุนหุ้นกลุ่ม Earning Momentum (BAM, BDMS, GPSC, DOHOME, JMART) และหุ้นปันผลสูง (ADVANC, MCS, TVO, TMT)

อินเด็กซ์ 51


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ