ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 พ.ค.64 ปิดที่ 1,571.85 จุด ลดลง7.08จุดมีมูลค่าการซื้อขาย 117,160.58 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 3,256.24ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด DELTA ปิด 558 บาท เพิ่มขึ้น 94บาท,TIDLOR ปิด 41 บาท ลบ 2 บาท, KBANK ปิด 119.50 บาทลบ5.50บาท,CBG ปิด 115.50 บาท บวก 4.50 บาท และ KCE ปิด 62.50 บาทบวก1.75บาท
หุ้นไทยลงต่อ ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่กลับมากังวลเรื่องเงินเฟ้อของสหรัฐฯหวั่นดอกเบี้ยนโยบายกลับมาเป็นทิศทางขาขึ้น ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง
บล.ทิสโก้วิเคราะห์กรณี MSCI ประกาศผลการทบทวนดัชนีรอบครึ่งปี มีผลบังคับใช้ราคาปิดวันที่ 27 พ.ค. โดย MSCI Global Standard มีหุ้นไทยเข้า 2 ตัว-CBG, SCGP และออก 2 ตัวคือ KBANK-F, DTAC ส่วน MSCI Global Small Cap เข้า 8 ตัว-ACE, PSL, RCL,SCCC, SINGER, SYNEX, TTA, TOA ไม่มีออก
ระบุว่า จากการศึกษาความเคลื่อนไหวราคาหุ้นในอดีตนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา ราคาหุ้นที่ถูกเข้าคำนวณในดัชนี MSCI มักตอบรับเชิงบวก โดยมีโอกาสปรับตัวขึ้นสูงถึง 74% และมักให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย +2.9% ถึง +5.1% ในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า
สำหรับ MSCI Global Standard ทิสโก้ แนะนำ “ซื้อ”SCGPประเมินมูลค่าเหมาะสมอยู่ที่ 63 บาท ขณะที่ CBG มีคำแนะนำเป็น“ถือ”ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 104 บาท ส่วน MSCI GlobalSmallCap แนะนำSCCC (มูลค่าเหมาะสม 189 บาท), SYNEX(29.25บาท) และ TOA(37.5บาท)
ขณะที่ บล.เอเซียพลัสแนะให้ซื้อหุ้นธีม MSCI Play โดยซื้อก่อนวันบังคับใช้ ชอบ SCCC, TOA, CBG ระบุว่า จากสถิติในอดีตราคาหุ้นที่ถูกเข้าคำนวณในดัชนี MSCI มีโอกาสปรับขึ้นตั้งแต่วันที่ประกาศจนถึงวันที่มีผลบังคับใช้ โดยเฉพาะช่วงปีหลังๆนักลงทุนให้น้ำหนักกับประเด็นนี้มากขึ้น โดยปีล่าสุดหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี MSCI Global Standard ให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 10.9% (ในอดีตเฉลี่ยราว 5%)และมีความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกราว 80%
สรุปกลยุทธ์ MSCI Play สามารถเก็งกำไรหุ้นทั้งหมดที่ถูกเข้าคำนวณได้ทั้งหมดก่อนวันบังคับใช้ (ใช้ราคาปิด 27 พ.ค.64)แต่3หุ้นเด่นที่ฝ่ายวิจัยฯ ชื่นชอบมากสุดคือ หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งดีมี Upsideที่ถูกคัดเข้าดัชนี MSCI Global Small Cap อย่าง SCCC, TOAพร้อมกับเก็งกำไรหุ้น Laggard ที่ถูกคัดเข้าดัชนี MSCI Global Standardอย่างCBG!!
อินเด็กซ์ 51