ทิสโก้ ชี้ ก.พ.-มี.ค. ราคา "หุ้นปันผล" พุ่งทุกปี จับจังหวะทยอยเข้าสะสม

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ทิสโก้ ชี้ ก.พ.-มี.ค. ราคา "หุ้นปันผล" พุ่งทุกปี จับจังหวะทยอยเข้าสะสม

Date Time: 8 ก.พ. 2564 08:00 น.

Video

ธุรกิจลับ Toyota ถ้าไม่ได้ขายรถ หาเงินจากไหน ทำไมถึงยิ่งใหญ่อยู่วันยังค่ำ ? | Digital Frontiers

Summary

  • บล.ทิสโก้ คาดตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งเดือนแรก ก.พ. อาจย่อตัวรับสภาพคล่องถูกดึงออกชั่วคราว หลังมีหุ้นไอพีโอ และบอนด์ เราชนะ ออกใหม่ แนะอาศัยจังหวะทยอยซื้อหุ้นปันผล

บล.ทิสโก้ คาดตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งเดือนแรก ก.พ. อาจย่อตัวรับสภาพคล่องถูกดึงออกชั่วคราว หลังมีหุ้นไอพีโอ และบอนด์ เราชนะ ออกใหม่ แนะอาศัยจังหวะทยอยซื้อหุ้นปันผล

เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 64 นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนจากเงินปันผลถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของตลาดหุ้นไทย เพราะนอกจากจะชนะอัตราเงินเฟ้อแล้ว ยังดีกว่าเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของไทย ที่อยู่ในระดับ 1.2% เท่านั้น ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ในปี 2563 จะหดตัวรุนแรง โดยคาดว่าจะติดลบเกือบ 40% จากผลกระทบของ COVID-19 แต่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของตลาดหุ้นไทยน่าจะอยู่ระดับน่าพอใจที่ประมาณ 2% และคาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.5% ในปี 2564

โดยมากกว่าตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยประมาณ 2% 
ในส่วนของ หุ้นกลุ่มธนาคาร คาดว่าน่าจะกลับมาจ่ายเงินปันผลได้เป็นปกติในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ยกเลิกคำสั่งการห้ามการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล

จากการศึกษาความเคลื่อนไหวราคาหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงนับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา พบว่า ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคมของทุกปี มีโอกาสสูงถึง 83-100% ที่หุ้นปันผลมักจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด (Outperform) และมักให้ผลตอบแทนโดยรวมเฉลี่ยดีกว่าตลาดประมาณ 2.5% ดังนั้น บล.ทิสโก้จึงให้ความสำคัญกับหุ้นปันผลมากเป็นพิเศษสำหรับการลงทุนในช่วง 2 เดือนนี้

สำหรับเดือน ก.พ.นี้ ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งเดือนแรกจะมีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์ดาวน์-หาฐานใหม่ เพราะมีแรงกดดันจากแนวโน้มการปรับลดกำไร บจ.ตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันนักวิเคราะห์ในตลาดมองว่าอัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้นของหุ้นไทย (SET EPS) ปี 2564 และ 2565 จะอยู่ที่ 76.9 บาท และ 90.8 บาทตามลำดับ

ประกอบกับเม็ดเงินในตลาดอาจตึงตัวชั่วคราวจากการเสนอขายหุ้น IPO ขนาดใหญ่ ผสมโรงกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เตรียมปรับปรุงเกณฑ์หุ้นที่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยอยู่ในระดับต่ำ (ฟรีโฟลทต่ำ) ใหม่ ทำให้มีแรงขายปรับพอร์ตอยู่ในระยะสั้น

ล่าสุด นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิเดือน ม.ค.ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิ และยังไม่มีสัญญาณเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าก้อนใหม่ ผสานกับการกู้เงินของรัฐบาลด้วยการออกพันธบัตรออมทรัพย์ มูลค่ารวม 6 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการเราชนะ

โดยจะกดดัน Fund Flows ต่อเนื่องจนถึงช่วงกลางเดือนนี้ ก่อนที่จะมีโอกาสกลับมาไหลเข้าในช่วงครึ่งหลังของเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากที่หุ้น IPO ขนาดใหญ่เข้าจดทะเบียนในตลาดแล้ว และสิ้นสุดระยะเวลาการเสนอขายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษเราชนะ

ทั้งนี้ หากตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามที่คาด บล.ทิสโก้ แนะนำว่าควรใช้โอกาสนี้เป็นจังหวะทยอยตั้งรับ โดยมี 3 ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับเดือนกุมภาพันธ์ คือ

1. หุ้นปันผลดี แนะนำ AP, DCC, KKP และ SCB

2. หุ้นได้ประโยชน์จากวัคซีน-การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แนะนำ BDMS, SCGP และ STGT

3. หุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุนเฉพาะตัว แนะนำ KCE และ TWPC 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ