
นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงกำลังพิจารณาแนวทางที่จะเข้าไปเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งกลุ่มผู้ประกอบการลูกจ้าง ผู้ประกอบอาชีพอิสระ โดยจะเสนอให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ มาร่วมปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ โดยให้ปลอดเงินต้นและดอกเบี้ยในระยะเวลา 6 เดือน เพื่อให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบมีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น
“วิธีการแจกเงินยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม เพราะงบประมาณก็มีอยู่จำกัด ดังนั้นจึงเสนอวิธีให้การปล่อยเงินกู้โดยคิดดอกเบี้ย ในอัตราที่ต่ำมากๆแทน รวมทั้งให้ปลอดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยระยะเวลาหนึ่งด้วย เพื่อให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบนำเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายในการครองชีพ เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง ธุรกิจก็จะเดินหน้าได้ ผู้ประกอบการจะได้มีเงินใช้จ่ายและสามารถชำระหนี้ได้”
นายประสงค์ กล่าวว่า วิธีการดังกล่าวเป็นการคัดกรองผู้ที่ได้รับผลกระทบได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับการแจกเงิน เพราะผู้ที่ไม่ได้รับผลกระทบมาก หรือมีเงินเก็บเพียงพอใช้จ่ายก็จะไม่เข้ามากู้เงิน แต่หากมีการแจกเงิน ผู้ที่ไม่เดือดร้อนก็จะได้รับเงินดังกล่าวไปด้วย ทำให้การใช้งบเป็นไปอย่างด้อยประสิทธิภาพ ส่วนปัจจุบันภาคเกษตรที่ประสบปัญหาภัยแล้ง แรงงานในเมืองที่ไม่สามารถกลับไปทำอาชีพ ภาคการเกษตรที่บ้านได้ อาจต้องใช้วิธีเยียวยาในลักษณะดังกล่าวด้วยเช่นกัน
สำหรับแนวคิดการจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้น ล่าสุดกระทรวงการคลังกำลังพิจารณาหลักการ คือจะไม่มีการนำเงินภาษีของประชาชนไปใช้เพื่อกรณีดังกล่าว แต่อาจใช้เงินจากกองทุนวายุภักษ์เข้ามาสนับสนุนการจัดตั้ง พร้อมกับเสนอผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน เช่น ให้ผลตอบแทนในอัตรา 3% เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แนวคิดการจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้น ได้มีการหารือในระดับนโยบายในกระทรวงการคลังแล้ว ล่าสุด ได้มีการพิจารณาว่าขนาดกองทุนที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 100,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน มาตรการเพื่อเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ชุดใหม่ที่จะออกมา กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาการเข้าถึงการรักษาพยาบาลในเรื่องการตรวจหาเชื้อโควิด-19 สำหรับกลุ่มเสี่ยงด้วย เช่น เคยเดินทางไปยังประเทศที่เกิดการแพร่ระบาดของโรค เป็นต้น.