ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 15 ส.ค.62 ปิดที่ 1,604.03 จุด ลดลง 5.42 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 100,940.51 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 11,945.65 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิทั้งหมด โดยเฉพาะกองทุนในประเทศซื้อสุทธิ 8,068.58 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าการซื้อขายสูงสุด CPALL ปิด 82.50 บาท ลบ 1 บาท, PTT ปิด 42.25 บาท ลบ 1 บาท, SCB ปิด 120.50 บาท ลบ 3 บาท, KBANK ปิด 155 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง และ INTUCH ปิด 61.25 บาท ลบ 3.25 บาท
ตลาดหุ้นไทยรีบาวด์จากจุดต่ำสุดหลังหลุดระดับ 1,600 จุด ขึ้นมายืนปิดตลาดเหนือ 1,600 จุดได้ แต่ตลาดยังมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงต่อหลังจากที่ตลาดล่วงหน้าในต่างประเทศยังปรับตัวลดลงรุนแรง
โดยคาดกังวลกับเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐฯ จีน และเยอรมนี ที่ส่งสัญญาณถดถอย และทิศทางดอกเบี้ยในประเทศที่เป็นขาลง โดยธนาคารใหญ่ประกาศนำร่องปรับลดดอกเบี้ย กดดันราคาหุ้นธนาคาร ท่ามกลางผลดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ออกมาน่าผิดหวังปรับลดลงมากกว่าที่คาด ขณะที่เดือนนี้ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยไปแล้วกว่า 35,420 ล้านบาท!!
บล.เอเซียพลัสรวบรวมการประกาศผลดำเนินงานงวด 2Q62 มีบริษัทจดทะเบียนรายงานงบฯแล้วราว 500 บริษัท คิดเป็น 92% ของ Market Cap. ทั้งตลาดทำกำไรสุทธิรวมกันได้ 2.09 แสนล้านบาท
ระบุว่า หากเปรียบเทียบเฉพาะที่ประกาศงบฯ แล้ว พบว่ากำไรสุทธิลดลงจาก 1Q62 ราว 19.2%qoq และลดลงจาก 2Q61 ราว 17.7%yoy และเทียบเฉพาะ Real Sector ที่ประกาศงบฯ แล้ว มีกำไรสุทธิรวมกันราว 1.41 แสนล้านบาท ลดลงใกล้เคียงกันราว 23.8% ทั้ง qoq และ yoy
เมื่อการรายงานงบเสร็จคาดกำไรสุทธิจะอยู่ราว 2.2 แสนล้านบาท ต่ำกว่าคาด ทำให้มีโอกาสเห็น Downside ของกำไร ปี 62 ที่เดิมฝ่ายวิจัยประเมินไว้ 1.03 ล้านล้านบาท คิดเป็น EPS ที่ 103.32 บาทต่อหุ้น
โดยกำไรที่ลดลง ทุกๆ 1.0 หมื่นล้านบาทจะทำให้ EPS ลดลงราว 1 บาท ซึ่งจะมีผลกระทบต่อดัชนีเป้าหมาย SET Index ปี 2562 ลงมาอยู่ที่ราว 1,612–1,658 จุด!!
อินเด็กซ์ 51