ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 ก.ค.62 ปิดที่ 1,731.23 จุด เพิ่มขึ้น 6.86 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 63,687.09 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,576.06 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด GULF ปิด 125.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, SCC ปิด 462 บาท ลบ 6 บาท, GPSC ปิด 73.25 บาท บวก 4 บาท, ADVANC ปิด 211 บาท ลบ 1 บาท และ BCPG ปิด 19.20 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าผันผวน ช่วงเช้าราคาร่วงต่อจากวันก่อน แต่มีแรงซื้อกลับคืนทำให้ราคารีบาวน์กลับขึ้นมาได้ โดยราคาหุ้นโรงไฟฟ้ากลับมาเป็นกระแสหลังผู้ตรวจการแผ่นดินมีข้อเสนอแนะให้กระทรวงพลังงานทบทวนแผน PDP 2018 ใหม่เพื่อให้รัฐมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าไม่ตํ่ากว่า 51% ภายใน 10 ปีนับจากปี 62 จากปัจจุบันภาครัฐมีสัดส่วนการผลิต 37% ซึ่งขัดกับรัฐธรรมนูญ
ขณะที่มุมมองนักวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุความเห็นว่า แผน PDP 2018 ปัจจุบัน กฟผ.มีสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้า 37% และมีแนวโน้มลดลงต่ำกว่า 30% ช่วงปลายแผน อีกทั้งแผนผ่านความเห็นชอบจาก กพช.และ ครม.แล้ว เชื่อว่ามีโอกาสไม่มากที่จะมีการปรับปรุงทั้งยังต้องติดตามท่าทีรัฐบาลใหม่
หากต้องปรับแผน ส่วนใหญ่เป็นโรงไฟฟ้าที่ทำสัญญาไปแล้วมองว่าไม่ถูกกระทบ ทั้งนี้ ประเด็นบวกจากแผนฯ ได้สะท้อนไปในราคาหุ้นที่ปรับตัวดีกว่าตลาด ทำให้ Valuation เริ่มไม่ถูก และเป็นสาเหตุให้เราปรับลดน้ำหนักลงช่วงที่ผ่านมา การอ่อนตัวของหุ้นรอบนี้เปิดโอกาสให้เริ่มทยอยสะสมอีกครั้ง BGRIM, RATCH รวมถึง GPSC (สำหรับผู้รับความเสี่ยงการเพิ่มทุนได้)
ส่วน บล.กรุงศรี ระบุว่าไม่ได้กังวลมากนัก เนื่องจากต้องใช้เวลาพิจารณาต้องไปตีความว่าการผลิตไฟฟ้าของ EGAT ปัจจุบันและตามแผนในอนาคตขัดหรือไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หากขัดจริง ต้องเพิ่มสัดส่วนการผลิตของ EGAT และลดสัดส่วนของเอกชนลง จะทำให้ Growth story จากการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าในประเทศลดลง
จะกระทบต่อกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า IPP อาทิ RATCH, EGCO และ GULF ส่วนกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้ารายอื่น GPSC, BGRIM, BPP และ BCPG ได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากส่วนใหญ่มี Growth story เพิ่มกำลังผลิตในต่างประเทศ เช่นเดียวกับ EA ที่มุ่งเน้นสู่ธุรกิจแบตเตอรี่ไฟฟ้าจึงไม่ได้รับผลกระทบราคาหุ้นที่ปรับลงแรงจึงเป็นโอกาสเข้าซื้อ โดยเฉพาะหุ้น Top pick คือ GPSC, BGRIM และ EA.
อินเด็กซ์ 51