ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 14 มิ.ย.62 ปิดที่ 1,672.33 จุด ลดลง 1.81 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 42,432.02 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 349.70 ล้านบาท
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 14 มิ.ย.62 ปิดที่ 1,672.33 จุด ลดลง 1.81 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 42,432.02 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 349.70 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าการซื้อขายสูงสุด WHA ปิด 4.56 บาท บวก 0.16 บาท, SCC ปิด 458 บาท ลบ 4 บาท, CPALL ปิด 83 บาท บวก 0.25 บาท, BTS ปิด 11.80 บาท บวก 0.10 บาท และ BDMS ปิด 26 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
หุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งกรอบแคบ โดยดัชนีปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 1,675.90 จุด และต่ำสุดที่ 1,661.37 จุด เป็นผลจากการเข้าซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติต่อเนื่องอีก 8,544.22 ล้านบาท และพอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 1,384.36 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันและรายย่อยเป็นผู้ขายสุทธิหุ้นไทยออกมา
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า กระแสเงินทุนไหลกลับเข้าตลาดหุ้นในเอเชีย หลังประเมินสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ น่าจะมีความหวังว่าจะเจรจากันได้ในการประชุม จี 20 ขณะที่ในส่วนของสหรัฐฯกับเม็กซิโกคลี่คลายลง
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากประเทศเศรษฐกิจสำคัญของโลกมีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง โดยคาดว่าจะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในการประชุมเฟดสัปดาห์หน้า
ส่วนการเมืองในประเทศก็มีความคืบหน้า หลังได้นายกรัฐมนตรีและภาพของรัฐบาลใหม่ และ ครม.เศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น
สิ่งที่นักลงทุนคาดหวังคือ การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ประเมินตลาดสัปดาห์หน้า ดัชนีมีโอกาสไปได้ต่อ โดยแรงหนุนของกระแสเงินทุนต่างชาติที่คาดว่าจะยังเข้ามาต่อเนื่อง แต่โอกาสในการปรับขึ้นแรงๆหรือปรับลงหนักๆมีจำกัด เพราะดัชนีปรับตัวขึ้นมาพอสมควรแล้ว ต้องหาปัจจัยใหม่ๆเข้ามากระตุ้นให้ดัชนีปรับขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง
แนะกลยุทธ์การลงทุน แนะเก็งกำไรแบบขึ้นขาย-ลงซื้อ ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 1,655 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,690 จุด!!
ขณะที่ บล.เออีซี มองสัปดาห์หน้าดัชนีมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,685 จุด ได้แรงหนุนจากสภาพคล่องทางการเงินในตลาดที่เพิ่มขึ้น หลังเฟดหันมาพิจารณาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ขณะที่ปัจจัยการเมืองไทยชัดเจนขึ้น หวังรัฐบาลใหม่เร่งเข้ามาดำเนินนโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ต่อเนื่อง.
อินเด็กซ์ 51