จับตาหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง เรียงหน้ากระดานราคาทะยานขึ้น!!

ทันทีที่ราชกิจจานุเบกษาประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2562 เมื่อวันพุธที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ปฏิกิริยาของนักลงทุนในตลาดหุ้นก็แสดงการตอบรับทันที มีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นในตลาดดันดัชนีหุ้นไทยปิดบวกในวันนั้นไปกว่า 15 จุด และ กกต.เคาะให้วันที่ 24 มี.ค.62 เป็นวันเลือกตั้ง!!

บรรดากูรูนักวิเคราะห์ต่างออกมาให้ความเห็นในทางเดียวกันว่าการเลือกตั้งจะดีต่อประเทศชาติ ดีต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นยังไง เงินทุนต่างชาติที่ยังไม่เข้าซื้อหุ้นไทย เพราะติดเงื่อนไขรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก็จะได้ปลดล็อกกลับเข้ามาลงทุนหุ้นไทยได้

ขณะที่มีการประเมินกันว่า ในช่วงหาเสียงก่อนการเลือกตั้งจะมีเงินที่ใช้ในกิจกรรมหาเสียงสะพัดในระบบเศรษฐกิจกว่า 50,000 ล้านบาท ส่วนรัฐบาลปัจจุบันก็จะเร่งออกมาตรการโค้งสุดท้ายกระตุ้นเศรษฐกิจ “ซื้อใจ” ประชาชน รวมทั้งการเร่งปิดจ๊อบโครงการลงทุนต่างๆให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในรัฐบาลชุดนี้!!

ดังนั้นหลายกลุ่มธุรกิจและหลายตัวหุ้นจึงได้อานิสงส์ส้มหล่นจากการเลือกตั้งครั้งนี้

โดยธุรกิจกลุ่มแรกที่ได้ประโยชน์แน่ๆในทันทีคือหุ้นค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค ที่การเลือกตั้งเป็นจิตวิทยาเชิงบวกให้คนมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งยังมีเงินที่กระจายลงมาจากการใช้งบหาเสียงเลือกตั้ง และการจัดกิจกรรมต่างๆ

ต่อมาคือกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่นอกจากรัฐบาลชุดปัจจุบันจะเร่งปิดจ๊อบโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในมือให้ประสบความสำเร็จเห็นเป็นรูปเป็นร่างเป็นผลงานแล้ว รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาก็จะเร่งโครงการลงทุนเพื่อทำผลงานตัวเอง

ขณะที่หุ้น แบงก์พาณิชย์ก็จะได้ประโยชน์จากการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน เพราะเมื่อการเมืองมีความแน่นอน เอกชนก็มีความเชื่อมั่นในการลงทุน แบงก์พาณิชย์ก็ปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น และเมื่อการเมืองมีเสถียรภาพ มีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งชัดเจน เม็ดเงินลงทุนในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆก็จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนจากต่างประเทศ หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมก็จะได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ

และสุดท้ายหุ้นที่ได้ประโยชน์แน่นอนคือหุ้นกลุ่มสื่อต่างๆ ทั้งสื่อในบ้าน สื่อนอกบ้าน ป้ายหาเสียงต่างๆ สื่อสิ่งพิมพ์ ทีวี ที่ใช้ในการหาเสียง ที่สำคัญธุรกิจอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยคือ หุ้นหรือธุรกิจที่พิมพ์บัตรเลือกตั้ง!!

มาดูมุมมองโบรกเกอร์ที่เขาฟันธงหุ้นรายตัวที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้งในครั้งนี้ เริ่มจาก บล.โนมูระพัฒนสิน ที่บอกว่า สถิติการเลือกตั้ง 4 ครั้งหลังสุด หุ้นไทยมักปรับตัวขึ้นก่อน 2-3 เดือน และหลังการเลือกตั้ง 1 เดือน เฉลี่ยราว 10.3% แถมรอบนี้หุ้นไทยมีแรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติ ถือว่าได้ 2 เด้งไปเลย ฟันธงให้กรอบดัชนีขึ้นรอบนี้ 1,720-1,760 จุด โดยเริ่มเห็นเงินไหลเข้าหุ้นกลุ่มแบงก์ ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่มักนำตลาดรับ Election Rally มอง BBL เป็นตัวนำ รวมทั้งหุ้น KBANK, SCB

ส่วนกลุ่มอื่นตามธีม Election Play ต้องนี่เลย AMATA, MINT, BJC, CPALL, ROBINS, PTT, GULF, STEC, TOA, CK, WHA, SAWAD, PLANB

ขณะที่ บล.บัวหลวง ชูหุ้นน่าสนใจก่อนการเลือกตั้ง WHA,GLOBAL, CPALL, OSP และ M ส่วนกลุ่มหุ้นน่าสนใจหลังการเลือกตั้ง CENTEL, MINT และ AOT

ด้าน บล.ทิสโก้ ยก หุ้น “พระเอก” ที่ได้ประโยชน์คือ หุ้นบลูชิพขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าของเงินต่างชาติไหลกลับ ชอบ BBL, KBANK, SCB, AOT, MINT, SCC และหุ้นที่อิงการบริโภคภายในประเทศและหุ้นกลุ่มสื่อ เชียร์ CPALL, BJC, AEONTS, VGI, PLANB ส่วนหุ้นที่อ่อนไหวกับการเมืองคือ STEC, PR9, SC

ขณะที่หุ้น “พระรอง” ที่คาดว่าจะได้อานิสงส์ตามภาวะตลาดที่ปรับขึ้นแต่ราคายังขึ้นช้า ชอบ ANAN, CK, ERW, PRM, RS, TRUE ให้เป้าหมายดัชนีก่อนเลือกตั้งให้ไว้ที่ 1,650-1,680 จุด

แต่สิ่งที่อยากให้ระวังคือหลังการเลือกตั้งมากกว่า เพราะต้องรอเวลาพิสูจน์การบริหารงานของรัฐบาลใหม่ว่าจะสามารถขับเคลื่อนประเทศไปได้มากน้อยแค่ไหน สอดคล้องกับสถิติในอดีตที่บ่งชี้ว่าช่วง 1-6 เดือนหลังการเลือกตั้ง มีโอกาสน้อยที่หุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นได้ต่อ ต้องรออย่างน้อย 6 เดือนไปแล้ว หุ้นจึงมีโอกาสกลับมาปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง เมื่อมั่นใจว่ารัฐบาลมีเสถียรภาพทำงานเดินหน้าได้จริง!!

สุดท้ายอย่าลืมว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ต้องศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนการตัดสินใจลงทุน!!

วณิชยา แสงทอง