ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 ม.ค.62 ปิด 1,580.30 จุด บวก 2.89 จุดมีมูลค่าซื้อขาย 41,844.35 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 527.72 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 47.25 บาท ลบ 0.25 บาท, AOT ปิด 67.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, KBANK ปิด 184.50 บาท บวก 1.50 บาท, PTTGC ปิด 67.50 บาท ลบ 0.50 บาท, IVL ปิด 47 บาท ลบ 1 บาท
“วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล” กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ ให้เป้าดัชนีปีนี้สูงสุดที่ 1,800 จุด บนสมมติฐาน Forward PE ที่ 15.6 เท่า ประเมินกำไร บจ.โต 9% หรือ EPS ที่ 115.3 บาทต่อหุ้น
คาดว่าเงินทุนเคลื่อนย้าย หรือฟันด์โฟลว์จะไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นในตลาดเกิดใหม่มากขึ้น เนื่องจากทุนเคลื่อนย้ายจะตามหาผลตอบแทนที่ดีกว่า และตามค่าเงินสกุลภูมิภาคที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยคาดปีนี้ fundflow จะไหลเข้าตลาดหุ้นกลุ่ม TIP ไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์มาก เพราะเศรษฐกิจจะโตดี ค่าเงินแข็งและต่างชาติถือหุ้นในกลุ่มนี้น้อยลงไปมาก หลังช่วงที่ผ่านมาขายออกมาหนัก
ประกอบกับคาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นไทยที่สูงกว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ 10 ปี ที่ระดับ 4.79% จึงถือเป็นจุดที่น่าสนใจเข้าลงทุน
“ปีนี้ดัชนีหุ้นไทยจะแกว่งตัวในกรอบ 1,500-1,800 จุด โดย SET Index ที่ระดับ 1,500 จุด เป็นระดับ Forward PE ที่ 13 เท่า ปัจจัยที่ยังกดดันคือความไม่เเน่นอนของช่วงเวลาในการเลือกตั้ง แต่หากกำหนดการเลือกตั้งที่ชัดเจน คาดว่าจะทำให้ฟันด์โฟลว์ไหลกลับเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 2/62 โดยตั้งแต่ต้นปีต่างชาติเริ่มซื้อสะสมในหุ้นเอเซีย (ยกเว้นจีน) แล้ว
หุ้นแนะนําปีนี้ให้ลงทุนกลุ่มหุ้นปันผลสูง High Dividend Stock ซึ่งประเมินว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี โดยจากงานวิจัยพบว่า จากสถิติ 8 ปีย้อน หุ้นกลุ่มนี้มีค่าเฉลี่ยผลตอบแทนราว 10% (ด้วยความเชื่อมั่น 90%) ในช่วงการลงทุนเพียง 4 เดือนของการถือครอง (มกราคมถึงเมษายน)
โดยหุ้น TOP PICK เลือก SCC ราคาพื้นฐานที่ 480 บาท, PTT ราคาพื้นฐานที่ 65 บาท, ADVANC ราคาพื้นฐานที่ 200 บาท, BBL ราคาพื้นฐานที่ 220 บาท และ KTB ราคาพื้นฐานที่ 22 บาท!!
อินเด็กซ์ 51