ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 มิ.ย.61 ปิดที่ 1,727.29 จุด เพิ่มขึ้น 4.18 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 50,814.49 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,466.24 ล้าน
หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 51.50 บาท บวก 0.75 บาท, CPALL ปิด 80.50 บาท บวก 1 บาท, CPF ปิด 26 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, KBANK ปิด 199.50 บาท บวก 2 บาท และ CPN ปิด 72.25 บาท ลบ 1.50 บาท
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า จากศึกษาข้อมูลโดยเก็บสถิติ ดัชนีหุ้นไทยเดือน มิ.ย.ย้อนหลัง 8 ปี พบว่าปรับขึ้นเฉลี่ยเพียง 0.83% เท่านั้น และให้ผลตอบแทนเป็นบวก 6 ใน 8 ปี แต่หากไปดูเฉพาะเดือน มิ.ย.ของปีที่มีบอลโลกและบอลยูโร พบว่าดัชนีหุ้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 3.83%
เมื่อเจาะลึกไปดูช่วง 1 เดือนที่มีการแข่งขันบอลโลกและบอลยูโรจริงๆ (บางปีจัดเดือน มิ.ย. บางปีจัดเดือน ก.ค.) พบว่าดัชนีปรับขึ้นทุกครั้งที่มีการแข่งขัน และให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 4.2%
มาดูหุ้นที่ได้ประโยชน์จากบอลโลก และสถิติราคาหุ้นในอดีตที่ outperform ตลาดกันบ้าง พบว่ามี 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มค้าปลีกและกลุ่มอาหาร โดยมีหุ้น 6 บริษัทที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่น คือ BJC เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 23.4%, CPALL 5.3%, HMPRO 5.2%, ROBINS 4.3%, MINT 9.9%, CENTEL 7.6%
นอกจากนี้ ยังมีหุ้นอีก 2 กลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากบอลโลก แต่เข้าตลาดหุ้นน้อยกว่า 8 ปี คือ กลุ่มสื่อโฆษณา อย่าง PLANB, AMARIN และกลุ่มบรรจุภัณฑ์ อย่าง EPG ฝ่ายวิจัยฯคัดกรองหุ้นเด่นรับกระแสบอลโลกเป็นหุ้น top picks 4 ตัว ได้แก่ MINT, BJC, PLANB, EPG
เมื่อโฟกัสแต่ละตัว MINT สัดส่วนรายได้จากอาหาร 40% ที่เหลือเป็นโรงแรม 40%, ค้าปลีก 20% ล่าสุดไปซื้อโรงแรมในสเปนตั้งเป้าซื้อหุ้นให้ได้ 51-55% หากได้ตามแผน กำไรปี 62 จะเพิ่มขึ้น 14-15% ราคาหุ้นที่ปรับลง จนมี Upside กว่า 44% จึงเป็นโอกาสลงทุน ส่วนหุ้น BJC ธุรกิจกระจายตัวดี คาดกำไรไตรมาส 2 โตต่อเนื่อง และทั้งปี 61 จะโตสูงถึง 38% รวมถึง SSSG ของ BIGC ซึ่ง BJC ถือหุ้น 99.85% คาดว่าทั้งปีจะโต 2.5%
PLANB จะ Outperform ตลาด จากเข้าสู่ High season ของธุรกิจสื่อโฆษณา และยังได้ปัจจัยบวกจากบอลโลก ส่วนการซื้อ BNK48 ยังเพิ่ม Engagement กับกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น คาดปีนี้กำไรโต 53%.
อินเด็กซ์ 51