การค้าโลกเริ่มผ่อนคลาย การเมืองไทยเริ่มแผดเผา

Experts pool

Columnist

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

การค้าโลกเริ่มผ่อนคลาย การเมืองไทยเริ่มแผดเผา

Date Time: 23 มิ.ย. 2568 19:18 น.

Video

Telegram ทำเงินยังไง ? โมเดลธุรกิจที่รวยได้ โดยไม่ขายข้อมูลผู้ใช้ | Digital Frontiers EP.40

Summary

แม้วิกฤติคลิปเสียงดังกล่าวจะสร้างแรงกดดันทางการเมืองอย่างมาก แต่การวิเคราะห์เชิงคณิตศาสตร์การเมืองชี้ให้เห็นว่าการล้มรัฐบาลผ่านกลไกรัฐสภาไม่น่าจะเกิดขึ้น รัฐบาลปัจจุบันยังคงฐานเสียงที่แข็งแกร่งหากไม่รวมพรรคภูมิใจไทย โดยมีเสียงประมาณ 261 เสียงจาก 500 เสียง ซึ่งมากกว่าครึ่งประมาณ 10 เสียง จึงมองว่า รัฐบาลมีทางเลือกสุดท้ายในมือคืออำนาจการยุบสภา

Latest


สถานการณ์การค้าโลกเริ่มมีแววผ่อนคลายจากจุดสูงสุดของสงครามการค้า โดยมีข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ลดภาษีอย่างมีนัยสำคัญ และการชะลอมาตรการภาษีของสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้การส่งออกไทยเดือนพฤษภาคม 2025 เร่งตัวขึ้นถึง 18.4% โดยได้รับแรงหนุนจากการเร่งสั่งซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักรกลก่อนมาตรการภาษีใหม่

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศกลับทวีความรุนแรง จากวิกฤติคลิปเสียงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2025 ที่นำไปสู่การตัดสินใจของพรรคภูมิใจไทยลาออกจากรัฐบาล ซึ่งสร้างความไม่มั่นคงทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศต่างๆ ได้ผ่านจุดสูงสุดของความรุนแรงแล้ว โดยมีสัญญาณผ่อนคลายที่สำคัญหลายประการ ข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีนในเดือนพฤษภาคมที่ลดภาษีจาก 125% เหลือ 10% สำหรับจีน และจาก 145% เหลือ 30% สำหรับสหรัฐฯ รวมถึงข้อตกลงการค้ากับอังกฤษที่ยกเลิกภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม นอกจากนี้ คำตัดสินของศาลการค้าสหรัฐฯ ที่ยุติภาษีครอบคลุม (Universal and Reciprocal Tariff) แม้จะมีคำสั่ง "Stay" ชั่วคราว แต่บ่งชี้ว่าปัจจัยเชิงสถาบันสามารถกดดันมาตรการที่รุนแรงได้

ด้านการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ (FOMC) วันที่ 17-18 มิถุนายน คณะกรรมการมีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยในกรอบ 4.25-4.50% ตามที่ตลาดคาด โดย Dot Plot เผยแนวโน้มเข้มงวดขึ้น กรรมการ 7 คน (เพิ่มจาก 4 คนในมีนาคม) คาดว่าจะไม่มีการลดดอกเบี้ยเลยในปีนี้ อีก 2 คนคาดว่าจะลดเพียง 1 ครั้ง ขณะที่ 10 คนคาดว่าจะลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งภายในปี 2025

ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ปรับประมาณการเศรษฐกิจในทิศทางแย่ลง โดย GDP ปี 2025 ลดเหลือ 1.4% (จาก 1.7%) เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core PCE) เพิ่มเป็น 3.0% (จาก 2.7%) และอัตราว่างงานเพิ่มเป็น 4.5% (จาก 4.4%) อย่างไรก็ตาม Powell ย้ำว่า "เศรษฐกิจสหรัฐท้าทายคาดการณ์ที่ว่าจะอ่อนแอมาตลอด 3 ปี" และไม่เห็นสัญญาณของภาวะถดถอย

ในส่วนของนโยบายการเงิน เรามองว่าจะเป็น Policy Divergence มากขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) อาจต้องทำนโยบายการเงินตึงตัวต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารกลางอื่นๆ จะผ่อนคลาย ส่วนจีนเผชิญภาวะเงินฝืดและวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่อง แม้จะมีมาตรการกระตุ้นจากธนาคารกลางจีน แต่ยังไม่เพียงพอต่อการฟื้นตัว

การส่งออกของไทยในเดือนพฤษภาคม 2025 ขยายตัวที่ 18.4%YoY มูลค่า 31,044.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนที่ 10.2% และเป็นอัตราการขยายตัวรายเดือนสูงสุดในรอบ 38 เดือน นับตั้งแต่มีนาคม 2022 โดยได้รับแรงหนุนหลักจากการชะลอมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วัน ทำให้เกิดการเร่งสั่งซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ (+104.0%YoY) แผงวงจรไฟฟ้า (+41.4%YoY) และเครื่องจักรกล (+34.8%YoY)

การนำเข้าขยายตัว 18.0%YoY ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 โดยเฉพาะสินค้าทุน (+41.1%) และวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป (+19.3%) ซึ่งอาจสะท้อนการที่จีนเปลี่ยนเส้นทางการค้าผ่านไทยเพื่อหลีกเลี่ยงกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าไทยเกินดุล 1,116.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

แม้ภาพรวมยังเติบโตแข็งแกร่งสามารถโตในระดับเลขสองหลัก แต่เห็นสัญญาณว่าแรงหนุนชั่วคราวจากการเร่งส่งออกก่อนมาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ (เลื่อนถึง 9 กรกฎาคม) อาจเริ่มผ่อนแรงลง ขณะเดียวกันสินค้าไทยบางประเภทกำลังเผชิญแรงกดดันจากปัญหาโครงสร้างอุปสงค์โลกและจากอัตราภาษีของไทยที่สูงกว่าประเทศคู่ค้าอื่นๆ ของสหรัฐฯ

ด้านวิกฤติคลิปเสียงเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2025 เมื่อสมเด็จฮุนเซนเผยแพร่การบันทึกเสียงการสนทนาส่วนตัวกับนายกฯแพทองธาร ในประเด็นด้านการทหาร รวมถึงมีการเจรจาเรื่องการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งสร้างแรงสะเทือนรุนแรงต่อการเมืองไทยและนำไปสู่การเรียกร้องให้ยุบสภา

การตัดสินใจของพรรคภูมิใจไทยที่จะลาออกจากรัฐบาลกลางวิกฤตคลิปเสียงนี้ ส่งสัญญาณความไม่มั่นคงทางการเมืองที่อาจกระทบเศรษฐกิจไทยในหลายมิติ การสูญเสียพันธมิตรสำคัญทำให้รัฐบาลต้องเผชิญความท้าทายในการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยเฉพาะการผ่านงบประมาณ 2569 ซึ่งหากล่าช้าอาจทำให้ GDP โต 0.5% น้อยลงจากแผน

แม้วิกฤติคลิปเสียงดังกล่าวจะสร้างแรงกดดันทางการเมืองอย่างมาก แต่การวิเคราะห์เชิงคณิตศาสตร์การเมืองชี้ให้เห็นว่าการล้มรัฐบาลผ่านกลไกรัฐสภาไม่น่าจะเกิดขึ้น รัฐบาลปัจจุบันยังคงฐานเสียงที่แข็งแกร่งหากไม่รวมพรรคภูมิใจไทย โดยมีเสียงประมาณ 261 เสียงจาก 500 เสียง ซึ่งมากกว่าครึ่งประมาณ 10 เสียง

จึงมองว่า รัฐบาลมีทางเลือกสุดท้ายในมือคืออำนาจการยุบสภา โดยประเมินความน่าจะเป็นแบ่งออกเป็น 3 สถานการณ์หลัก ได้แก่ การยุบสภาทันที (ความเป็นไปได้ต่ำ) การปรับคณะรัฐมนตรีและรอให้ พรบ.งบประมาณ 2569 ผ่านก่อน (30 กันยายน) จึงค่อยยุบ (ทางเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุด) และสถานการณ์อื่นๆ เช่น ไม่ยุบสภาและบริหารราชการแบบปกติ (ความเป็นไปได้ปานกลาง)

หากมีการยุบสภาก่อนที่พระราชบัญญัติงบประมาณ 2569 จะผ่านสภาในเดือนกันยายน 2568 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยอาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงประมาณ 0.5 percentage point ต่อปีเหลือประมาณ 1% ทั้งในปี 2568 และ 2569 จากกระบวนการงบประมาณที่ล่าช้า ในทางตรงกันข้าม หากยุบสภาหลังจากงบประมาณผ่านแล้ว (ตุลาคมเป็นต้นไป) ผลกระทบจะลดลงเหลือประมาณ 0.3 percentage point

INVX ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยเป็น 2 สถานการณ์ ในกรณีฐาน (โอกาส 60%) GDP ไทยจะขยายตัว 1.4% โดยการส่งออกหดตัว -3.0% และมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิคในครึ่งหลังปี ส่วนกรณีดี (โอกาส 40%) หากการเจรจากับสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จและสถานการณ์โลกดีขึ้น GDP ไทยอาจขยายตัวได้ 1.7% โดยการส่งออกจะหดตัวเพียง -0.5% แทนที่จะเป็น -3.0%

เรามองว่า สถานการณ์การค้าโลกที่ผ่อนคลายให้โอกาสแก่ไทย แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในกลับสร้างความท้าทายใหม่ต่อการบริหารเศรษฐกิจ การตัดสินใจของพรรคภูมิใจไทยที่ลาออกจากรัฐบาลทำให้เสถียรภาพการเมืองมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญ

ในระยะสั้น ตลาดหุ้นไทยอาจมีความผันผวนจากปัจจัยการเมือง โดยประเมิน downside ของ SET มีโอกาสลงไปทดสอบบริเวณ 1080/1056 จุด อย่างไรก็ดี SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า เป็นจุดที่เหมาะสมในการทยอยซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว

สำหรับนักลงทุน ควรติดตามพัฒนาการทางการเมืองใกล้ชิด รวมถึงความคืบหน้าของการเจรจากับสหรัฐฯ และการผ่านงบประมาณ 2569 ที่จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี

ขอให้นักลงทุนโชคดี

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ