เคล็ดลับการเลือก Options สำหรับมือใหม่

Experts pool

Columnist

หลักทรัพย์บัวหลวง

หลักทรัพย์บัวหลวง

Tag

เคล็ดลับการเลือก Options สำหรับมือใหม่

Date Time: 13 มิ.ย. 2568 08:00 น.

Video

หุ่นยนต์มนุษย์จีน ทำไมน่ากลัว ? วิเคราะห์เบื้องหลังทดสอบเทคโนโลยีครองโลก | Digital Frontiers EP.39

Summary

สิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับการเริ่มต้นเทรด Options คือ มุมมองต่อแนวโน้มของสินค้าอ้างอิงในอนาคตว่ามีแนวโน้มไปในทิศทางใด เพราะจะได้เลือกสิทธิของ Options ได้ตรงตามความต้องการ

Latest


จากบทความ “ปูพื้นฐานทำความเข้าใจใน Options” ผู้เขียนได้พาทุกท่านไปรู้จักกับตราสารที่เรียกว่า Options และรูปแบบการซื้อขายพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น Long Call, Long Put, Short Call และ Short Put รวมทั้งผลกำไร/ขาดทุนจากการซื้อขายในแต่ละรูปแบบกันมาแล้ว บทความในตอนนี้จะมาต่อยอดความรู้ความเข้าใจใน Options โดยจะเน้นไปที่วิธีการเลือก Options สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่เริ่มต้นสนใจในการเทรด ว่าจะมีวิธีเลือกอย่างไร และจะเน้นไปที่รูปแบบการซื้อขายพื้นฐานเฉพาะการ Long Options เท่านั้น และเป็นการถือครองจนถึงวันหมดอายุ เพราะคิดว่าเหมาะสมกับนักลงทุนมือใหม่มากกว่า

หน้าจอ Streaming แสดงมูลค่า Options ทั้ง Call และ Put

ที่มา: Settrade Streaming 27 พ.ค. 68
ที่มา: Settrade Streaming 27 พ.ค. 68

จากภาพข้างต้น ด้านซ้ายมือจะแสดงให้เห็นถึงมูลค่า Call Options (กรอบสีเขียว) ขณะที่ด้านขวามือจะแสดงให้เห็นถึงมูลค่า Put Options (กรอบสีแดง) ที่ระดับ Strike Price ต่าง ๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีให้เลือกมากมาย คำถามถัดมาคือ แล้วนักลงทุนจะเลือก Options ที่มีสิทธิแบบใด และ Strike Price เท่าไหร่ดี

สิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับการเริ่มต้นเทรด Options คือ มุมมองต่อแนวโน้มของสินค้าอ้างอิงในอนาคตว่ามีแนวโน้มไปในทิศทางใด เพราะจะได้เลือกสิทธิของ Options ได้ตรงตามความต้องการ โดยที่ถ้าคาดสินค้าอ้างอิงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจะเลือก Call Options

ถ้าคาดสินค้าอ้างอิงมีแนวโน้มปรับตัวลงจะเลือก Put Options หลังจากคาดการณ์ได้แล้วว่าสินค้าอ้างอิงมีแนวโน้มไปในทิศทางใด สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อมาคือ ความคาดหวังว่าราคาจะปรับตัวไปที่ระดับใด เพื่อที่จะประเมินต่อไปว่าควรเลือก Options ใน Strike Price ไหนดี ซึ่งจะต้องมีการคำนวณหาจุดคุ้มทุนของ Options ในแต่ละ Strike Price ว่ามีโอกาสสร้างกำไรได้หรือไม่ประกอบด้วย โดยจุดคุ้มทุนของ Call Options เท่ากับ (Strike Price + มูลค่า Options) ในทางตรงกันข้ามจุดคุ้มทุนของ Put Options เท่ากับ (Strike Price - มูลค่า Options) เพื่อทำให้ผู้อ่านเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นจะขอยกตัวอย่างดังข้างล่าง ตัวอย่าง นาย A คาดว่า SET50 Index ณ วันหมดอายุเดือน มิ.ย. 68 จะปรับขึ้นไปที่ 800 จุด จากระดับปัจจุบันที่ 760 จุด และมีเงินลงทุนเท่ากับ 4,000 บาท

มูลค่า Call Options ณ Strike Price ต่าง ๆ

*คำนวณจากราคา Offer ของ Options
*คำนวณจากราคา Offer ของ Options

จากข้อมูลข้างต้น Options ที่นาย A ควรเลือกคือ Call Options เนื่องจากคาดว่า SET50 Index จะปรับตัวขึ้น และถ้าพิจารณาจากจุดคุ้มทุนประกอบด้วย ควรเลือก Options ที่มี Strike Price ตั้งแต่ระดับ 700-775 จุด ถึงจะมีโอกาสสร้างกำไรได้ เนื่องจากมีจุดคุ้มทุนต่ำกว่าเป้าหมายการปรับตัวขึ้นที่ระดับ 800 จุด ถ้านาย A เลือก Strike Price ที่สูงกว่าระดับ 800 จุด Options นั้นจะมีมูลค่าเท่ากับ 0 ณ วันหมดอายุ และจะขาดทุนเท่ากับค่าพรีเมียมที่จ่ายไป อย่างไรก็ดี ถ้าพิจารณาในเรื่องของเงินลงทุนประกอบเข้าไปด้วย พบว่าการเลือก Strike Price ที่ต่ำกว่าระดับ 750 จุด จะใช้เงินลงทุนสูงกว่า 4,000 บาท ซึ่งสูงกว่าเงินลงทุนของนาย A ดังนั้น Options ที่เหมาะสมกับเป้าประสงค์ของนาย A คือ Call Options ที่ระดับ 775 จุด หรือ S50M25C775

จากเนื้อหาข้างต้นผู้เขียนได้เจาะลึกลงไปถึงวิธีการเลือก Options ซึ่งขั้นตอนในการเลือกนั้นจะต้องมีการคาดการณ์แนวโน้มของสินค้าอ้างอิง การคำนวณหาจุดคุ้มทุนเพื่อเลือก Strike Price ที่เหมาะสมกับเป้าหมายที่คาดหวัง รวมถึงเงินลงทุนที่มี ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีความซับซ้อนในระดับหนึ่ง ทำให้การเทรด Options ไม่สะดวกมากนัก ดังนั้น บทความในตอนหน้าผู้เขียนจะพาไปรู้จักกับ Options Wizard ซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้การเลือก Options ง่ายยิ่งขึ้น (ฟีเจอร์สำหรับเทรด Long Options) ว่าจะมีวิธีการใช้งานอย่างไร หวังว่านักลงทุนที่เริ่มสนใจจะไม่พลาดติดตามอ่านกันต่อ

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

หลักทรัพย์บัวหลวง

หลักทรัพย์บัวหลวง
หลักทรัพย์บัวหลวง