คนนอก คนกลาง คนใน คนไหนแน่ “ว่าที่ผู้ว่าฯ ธปท.”

Experts pool

Columnist

Tag

คนนอก คนกลาง คนใน คนไหนแน่ “ว่าที่ผู้ว่าฯ ธปท.”

Date Time: 6 มิ.ย. 2568 19:48 น.

Video

สหรัฐฯ เสี่ยงเบี้ยวหนี้ ? ผลประชุม FED จะมีเซอร์ไพรส์ ? | Thairath Money Night Stand EP.4

Summary

ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม เพื่อรับมือผลกระทบจากการขึ้นภาษีทรัมป์ รวมทั้งเสียงเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก ภายใต้ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของ ธปท. เพราะอยู่ในช่วงการคัดเลือกผู้ว่าการคนใหม่ แทน ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ คนปัจจุบันที่จะครบวาระในวันที่ 30 ก.ย.ที่จะถึงนี้ และหลังปิดรับสมัครผู้สนใจรับคัดเลือกในวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการคัดเลือก ระบุว่า มีผู้สนใจสมัครรับคัดเลือกเพื่อเป็นผู้ว่าการธปท.คนใหม่ทั้งสิ้น 7 คน เป็นผู้ชาย 5 คน และเป็นสาวสวย 2 คน

Latest


กลับมาเจอกันอีกครั้ง ในเดือนสุดท้ายของครึ่งปีแรก ของปี 2568 !!!

ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม เพื่อรับมือผลกระทบจากการขึ้นภาษีทรัมป์ รวมทั้งเสียงเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก ภายใต้ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของ ธปท. เพราะอยู่ในช่วงการคัดเลือกผู้ว่าการคนใหม่ แทน ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ คนปัจจุบันที่จะครบวาระในวันที่ 30 ก.ย.ที่จะถึงนี้

หลังจากที่มีหลายรายชื่อที่ทั้งหลุดหรือถูกปล่อยออกมาระยะหนึ่ง ในที่สุด หลังปิดรับสมัครผู้สนใจรับคัดเลือกในวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการคัดเลือก ระบุว่า มีผู้สนใจสมัครรับคัดเลือกเพื่อเป็นผู้ว่าการธปท.คนใหม่ทั้งสิ้น 7 คน เป็นผู้ชาย 5 คน และเป็นสาวสวย 2 คน

มีทั้ง “ม้าในสายตา” ที่รู้กันอยู่แล้ว

“ม้านอกสายตา” ที่อาจจะยังไม่เข้าตาคนไทยในวันนี้

รวมทั้ง “ม้ามืด” ที่เพิ่งตัดสินใจลงสมัครในช่วงโค้งสุดท้าย และที่ขาดไม่ได้ คือเสียงเล่าลือถึงแรงหนุนแรงดันเบื้องหลังจากการเมืองหลายสายที่ส่งคนเข้าประกวด ทำให้การแข่งขันครั้งนี้น่าจะดุเดือดกว่าหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา

โดยผู้ที่สมัครรับคัดเลือกในครั้งนี้ ประกอบด้วย คนแรก ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. สายเลือดนักการธนาคาร “ลูกหม้อ” ธปท. ที่ได้รับแรงหนุนแรงเชียร์จากคนในธปท. และบรรดานายธนาคารพาณิชย์ เพราะมองว่ามีความสามารถดูแลนโยบายการเงิน และระบบสถาบันการเงินได้เป็นอย่างดี

คนที่สอง ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ และประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) นักเศรษฐศาสตร์ นายธนาคารที่เคยเป็นถึงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยุค “บิ๊กตู่” มีผลงานทั้งด้านเศรษฐกิจมหภาค และตลาดทุน เป็นนักเรียนทุน ธปท. ซึ่งในช่วงก่อนหน้าเคยมีคนในรัฐบาลนี้โปรยยาหอมว่า “เหมาะจะเป็นผู้ว่าการธปท.”

คนที่สาม ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ อดีตรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ อดีตรองคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และถือ “คนแรก” ที่ประกาศเจตนารมณ์ว่าจะสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ ท่ามกลางกระแสข่าวความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี หรือ กลุ่มที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก มีคุณสมบัติการทำงานที่ครบครอบคลุม ทั้งงานภาคเอกชน การเงินการธนาคาร ภาควิชาการ ในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ และงานนโยบายสาธารณะของภาครัฐ

คนที่สี่ ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อบาคัส ดิจิทัล จำกัด มีโปรไฟล์ที่โดดเด่นในแวดวงการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มาพร้อมกับนามสกุล “อมรวิวัฒน์” ที่ถือว่ามีพลังในวงการการเมือง มีลูกพี่ลูกน้องที่ชื่อ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง ในรัฐบาลปัจจุบัน รวมทั้งยังมีกระแสข่าวถึงแรงหนุนจากผู้ทรงอิทธิพลของพรรคการเมืองใหญ่

คนที่ห้า วิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ที่ถือเป็นม้ามืดของจริง เพราะเพิ่งตัดสินใจในช่วงโค้งสุดท้าย หลังได้รับการทาบทามจากผู้ใหญ่ที่เคารพ ที่น่าจะใหญ่กว่าบิ๊กกระทรวงการคลัง ซึ่งเคยชวนมาสมัครในช่วงก่อนหน้า แต่ตอนนั้นยังไม่ตัดสินใจรับ ทั้งหมดนี้น่าจะมาจากผลงานที่สร้างให้ธนาคารออมสินเป็นธนาคารเพื่อสังคม มีผลงานเด่นช่วยคนที่รายได้น้อย รวมทั้งผลงานการแก้หนี้ครัวเรือน สามารถทำงานที่รับกับนโยบายของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี

คนที่หก รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ นักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหญ่ ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และนำเสนอความเห็นทางเศรษฐกิจและสังคมมายาวนาน ซึ่งครั้งนี้กลับมาสมัครผู้ว่าการธปท.เป็นสมัยที่ 2

คนที่เจ็ด วิกรานต์ ศุภมงคล ประธานกรรมการใหญ่ของบริษัท ทูแคปปิตอล จำกัด ซึ่งทำธุรกิจการบริหารโครงการขนาดใหญ่ให้กับหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งถือเป็น “เซอร์ไพรส์” เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเข้าชิงตำแหน่งผู้ว่าการธปท.

ในด้านการศึกษา ผู้สมัครรอบนี้ก็มีสิ่งที่เหมือนกันหลายอย่าง เช่น มีผู้สมัครดีกรีดอกเตอร์ถึง 5 คน และที่น่าสนใจคือ ผู้สมัคร 6 คนจบการศึกษาระดับสูงสุดจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในสหรัฐอเมริกา ส่วนอีกคนจบจากมหาวิทยาลัยของประเทศออสเตรเลีย

ส่วนหากจะถามหา “ตัวเต็ง” ที่มีโอกาสสูงในการได้รับคัดเลือกเป็น “ผู้ว่าการธปท.” คนใหม่ในอีกไม่กี่เดือนนี้ ส่วนตัวผู้เขียน “ไม่ขอชี้นำ” แต่อยากจะย้อนรอยการคัดเลือกผู้ว่าการธปท.ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะทำให้เห็นอะไรที่น่าสนใจจากการคัดเลือกเหล่านั้น

โดยตลอดช่วง 15 ปีที่ผ่านมา เรามีการคัดเลือกผู้ว่าการธปท.มาแล้ว 3 ครั้ง

ผู้ได้รับคัดเลือกคนแรกคือ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ดำรงตำแหน่ง 5 ปีเต็ม ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2553 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 2558

คนที่ 2 ดร.วิรไท สันติประภพ ดำรงตำแหน่ง 5 ปีเต็ม ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2558 ถึง 30 ก.ย. 2563

คนที่ 3 ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการคนปัจจุบัน

ซึ่งความเหมือนกันของทั้ง 3 ผู้ว่าการฯ คือ เป็น “ผู้ว่าการคนนอก” ซึ่งจริงๆ แล้วหากจะย้อนประวัติศาสตร์แบงก์ชาติไปตั้งแต่หลังวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 ซึ่งมีผู้ว่าการ ธปท.ทั้งสิ้น 7 คน มีเพียงคนเดียว คือ ดร.ธาริษา วัฒนเกส ที่เป็นคนใน ธปท. นอกนั้นเป็นผู้ว่าคนนอกทั้งสิ้น

นอกจากนั้น ในช่วงที่ผ่านๆ มา คนที่สนใจมาสมัครผู้ว่าการธปท.นั้น นอกเหนือจากความรู้ความสามารถทางการเงินและเศรษฐศาสตร์ที่เป็นที่ยอมรับแล้ว ยังมักจะเป็นคนที่ได้รับทาบทาม และสนับสนุนจากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้ลงสมัคร และส่วนใหญ่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับการเมืองในสมัยนั้น เพราะเป็นตำแหน่งที่มีอิทธิพลให้คุณให้โทษต่อส่วนรวมได้

และหากจำกันได้ ในช่วงของก่อนการคัดเลือก และหลังการคัดเลือกครั้งที่ผ่านมา มักมีเสียงเล่าลือว่า ทั้งผู้ว่าฯ ประสาร และผู้ว่าฯ วิรไท รวมทั้งผู้ว่าฯ เศรษฐพุฒิ มาในลักษณะ “ขอให้ช่วยประเทศชาติ” ทั้งสิ้น

คงต้องติดตามการคัดเลือกผู้ว่าการ ธปท.ครั้งนี้ว่า วงล้อของการคัดเลือกจะซ้ำรอย 3 ครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ โผจะเป็น “คนที่วางตัวเอาไว้” หรือมีโอกาสที่ “คนกลาง หรือคนใน” จะได้เป็นผู้ว่าการคนใหม่ของธปท.

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

ประอร นพคุณ

ประอร นพคุณ
ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ