Telemedicine เปลี่ยนวงการแพทย์ไทย พบหมอได้แค่ปลายนิ้ว

Experts pool

Columnist

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

Telemedicine เปลี่ยนวงการแพทย์ไทย พบหมอได้แค่ปลายนิ้ว

Date Time: 7 มี.ค. 2568 12:56 น.

Video

ธุรกิจลับ Toyota ถ้าไม่ได้ขายรถ หาเงินจากไหน ทำไมถึงยิ่งใหญ่อยู่วันยังค่ำ ? | Digital Frontiers

Summary

  • คุณเคยรู้สึกหงุดหงิดกับการรอคิวนานในโรงพยาบาล? หรือกังวลเรื่องการพาลูกป่วยออกนอกบ้านในช่วงโรคระบาด? เทคโนโลยี Telemedicine หรือ "หมอออนไลน์" กำลังเปลี่ยนประสบการณ์การรักษาพยาบาลให้คนไทย ด้วยบริการที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผ่านวิดีโอคอล การติดตามสัญญาณชีพด้วยอุปกรณ์อัจฉริยะ หรือแม้แต่การวินิจฉัยโรคด้วย AI ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติวงการแพทย์ครั้งใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย

Latest


คุณเคยรู้สึกหงุดหงิดกับการต้องรอคิวนานในโรงพยาบาลหรือไม่? 

กังวลเรื่องการพาลูกป่วยออกนอกบ้านในช่วงที่มีโรคระบาด? 

Telemedicine หรือ “หมอออนไลน์” เข้ามาเปลี่ยนประสบการณ์การรักษาพยาบาลของคนไทยให้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น

หลังจากการระบาดของโควิด-19 ตลาดบริการการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ในประเทศไทยได้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีทั้งโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่และบริษัทสตาร์ตอัปรายใหม่เข้ามาให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้และค่าใช้จ่ายต่อผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

แนวโน้มนี้สอดคล้องกับตลาดการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ซึ่งคาดว่าจะเติบโตสูงสุดในแง่ของรายได้ต่อผู้ใช้ โดยเพิ่มขึ้นจาก 65.02 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 เป็น 86.08 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2028 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 5.77% สะท้อนให้เห็นว่าทั้งในไทยและต่างประเทศ คนเริ่มให้คุณค่าและเต็มใจจ่ายมากขึ้นสำหรับบริการทางการแพทย์ออนไลน์ที่สะดวกและเข้าถึงง่าย 

Telemedicine ทางการแพทย์คืออะไร?

Telemedicine คือการให้บริการทางการแพทย์ผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารทางไกล ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถรับการรักษาและคำปรึกษาจากแพทย์โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาโรงพยาบาล โดยระบบนี้ใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น การสื่อสารผ่านวิดีโอ, แอปพลิเคชันมือถือ, และอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ซึ่งหมายถึงอุปกรณ์ทุกสิ่งที่เชื่อมต่อและแบ่งปันข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อเชื่อมต่อผู้ป่วยกับบุคลากรทางการแพทย์

ประโยชน์ของ Telemedicine

Telemedicine สำหรับโรงพยาบาล

  • ลดความแออัดในโรงพยาบาล
  • ประหยัดทรัพยากรและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
  • ขยายการให้บริการได้กว้างขวางมากขึ้น
  • ลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรคติดต่อในโรงพยาบาล

Telemedicine สำหรับแพทย์

  • ดูแลผู้ป่วยได้มากขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลง
  • เพิ่มประสิทธิภาพการวินิจฉัยโรคด้วยเทคโนโลยีทันสมัย
  • ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากการสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง
  • สามารถให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วยได้แม้อยู่ต่างพื้นที่

Telemedicine สำหรับผู้ป่วย

  • ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
  • เข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น
  • ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องแม้อยู่ที่บ้าน
  • ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากการเดินทางไปโรงพยาบาล

การใช้ Telemedicine หรือการแพทย์ทางไกลในปัจจุบัน

Telemedicine หรือการแพทย์ทางไกล พัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน Telemedicine มีหลากหลายรูปแบบที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งช่วยให้การดูแลสุขภาพมีความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งสำหรับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์

5 ข้อด้านล่างนี้คือ ตัวอย่างของ Telemedicine ที่เป็นที่นิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งหลาย ๆ ตัวอย่างเกิดขึ้นแล้วในโรงพยาบาลของไทย

  • การวินิจฉัยโรคด้วยเทคโนโลยีทันสมัย

ปัจจุบันมีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์ เช่น ภาพเอกซเรย์ปอดหรือภาพสแกนสมอง ซึ่งสามารถช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยโรคได้แม่นยำมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ระบบ AI ของ Google Health สามารถตรวจจับมะเร็งเต้านมจากภาพแมมโมแกรมได้แม่นยำกว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

  • การให้คำปรึกษาทางการแพทย์ผ่านระบบอัจฉริยะ

หลายโรงพยาบาลและคลินิกในประเทศไทยได้นำระบบ Chatbot มาใช้ในการคัดกรองอาการเบื้องต้นและให้คำแนะนำทางสุขภาพ เช่น แอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" ของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีฟีเจอร์ประเมินความเสี่ยงโควิด-19 และให้คำแนะนำเบื้องต้น ช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์และให้ข้อมูลเบื้องต้นแก่ผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว

  • แอปพลิเคชันวิดีโอคอลกับแพทย์

โรงพยาบาลหลายแห่งในไทยเปิดให้บริการปรึกษาแพทย์ผ่านวิดีโอคอล ทำให้ผู้ป่วยสามารถพูดคุยกับแพทย์ได้โดยตรงแม้อยู่ที่บ้าน เหมาะสำหรับการติดตามอาการหลังการรักษาหรือการปรึกษาอาการเบื้องต้น

  • อุปกรณ์ IoT สำหรับติดตามสัญญาณชีพ

การใช้อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ เช่น นาฬิกา Apple Watch หรือ Fitbit ในการติดตามสัญญาณชีพของผู้ป่วย และส่งข้อมูลให้แพทย์ติดตามอาการได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหัวใจหรือเบาหวาน

  • ระบบวิเคราะห์ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการอัตโนมัติ

หลายโรงพยาบาลในไทยได้นำระบบอัตโนมัติมาใช้ในการวิเคราะห์ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ช่วยลดเวลาและเพิ่มความแม่นยำในการรายงานผล ทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ความท้าทายและโอกาสของ Telemedicineในไทย

ปัจจุบันประเทศไทยยังอยู่ในช่วงพัฒนากฎหมายรองรับ Telemedicine อย่างเต็มรูปแบบ โดยตลาด Telehealth ในไทยมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) สูงสุดที่ 5.25% ในช่วงปี 2023 ถึง 2030 [1] นอกจากนี้ ช่วงหลายปีที่ผ่านมา สังเกตได้ว่าคนไทยเริ่มเปิดรับการใช้บริการแพทย์ทางไกลมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี 

กราฟแสดงแนวโน้มการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของตลาด Telehealth ในไทย ตั้งแต่ปี 2017-2028 

กรณีศึกษา Telemedicine :  "หมอคู่คิดส์" แอปฯ หมอเด็กออนไลน์เจ้าแรกของไทย

หมอคู่คิดส์ แอปฯ หมอเด็กออนไลน์เจ้าแรกของไทย บริษัทในเครือ Looloo Health  ภายใต้บริษัท Looloo Technology ได้นำเอาเทคโนโลยี Telemedicine เข้ามาเพิ่มโอกาสให้เด็กไทยทุกคนให้เข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ดีได้อย่างเท่าเทียม ด้วยการรวมเอาทีมแพทย์และพยาบาลจาก รพ.ชั้นนำของไทย เข้ามาช่วยตอบคำถามเรื่องเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนโต ได้ตั้งแต่ถามเรื่องสุขภาพเด็กหรือจะเช็กพัฒนาการ 

ไม่ว่าเรื่องไหนผู้ปกครองปรึกษาออนไลน์ได้ตลอด ทั้งกลางวันและกลางคืน ทุกช่วงเวลา ช่วยลดความกังวลของผู้ปกครอง ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย และได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทันที ปัจจุบันแอปฯ นี้มีผู้ใช้งานกว่า 100,000 ราย ภายในปีแรก รวมถึงได้รับรีวิวจากพ่อแม่ผู้ใช้งานจริงกว่า 8,000+ คน บอกว่า หลังปรึกษาพอใจเหมือนไปโรงพยาบาล

ประโยชน์สำหรับผู้ปกครองและเด็ก:

  • ลดความกังวลของผู้ปกครองในการดูแลบุตรหลาน
  • ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการพาเด็กไปโรงพยาบาล
  • ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทันที
  • เพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน

อนาคตของ Telemedicine ในไทย

Telemedicine ในไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน กระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมายพัฒนาระบบ Telemedicine ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพผ่านระบบคลาวด์ ควบคู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลผ่านโครงการ "เน็ตประชารัฐ" เพื่อขยายบริการสู่พื้นที่ห่างไกล

นอกจากนี้ ยังมีการผลักดันกฎหมายและนโยบายสนับสนุน พร้อมทั้งพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติสำหรับ Telemedicine การนำเทคโนโลยี 5G และ AI มาใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งข้อมูลและการวินิจฉัยโรค ส่งผลให้ตลาด Digital Health ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดึงดูดการลงทุนจากทั้งภาครัฐและเอกชน ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยผลักดันให้ Telemedicine กลายเป็นส่วนสำคัญของระบบสาธารณสุขไทยในอนาคตอันใกล้

Telemedicine: ความหวัง อนาคตวงการแพทย์ไทย

Telemedicine กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าระบบสาธารณสุขไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพการรักษาพยาบาล การผสานเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ห่างไกล แต่ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประเทศในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม การพัฒนา Telemedicine ให้ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐในการกำหนดนโยบายและมาตรฐาน ภาคเอกชนในการพัฒนานวัตกรรมและบริการ และภาคประชาชนในการเปิดรับและใช้งานเทคโนโลยีใหม่ ๆ

ด้วยทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจนและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง Telemedicine จะไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกในการรักษาพยาบาล แต่จะกลายเป็นส่วนสำคัญของระบบสาธารณสุขไทยในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบสาธารณสุขของประเทศไทยอย่างยั่งยืน


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ