Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR
InvestmentPersonal FinanceEconomicsBusiness & MarketingTech & InnovationSustainabilityExperts PoolVideosPR News
ปลุกตลาดอินเดียแทนจีน ท่องเที่ยวบุกภารตะปั้นรายได้ 2.7 หมื่นล้านบาท

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ปลุกตลาดอินเดียแทนจีน ท่องเที่ยวบุกภารตะปั้นรายได้ 2.7 หมื่นล้านบาท

Date Time: 19 พ.ค. 2565 08:16 น.

Summary

  • ททท.นำภาคเอกชนไทยบุกแดนภารตะ ในงาน SATTE 2022 ตั้งเป้าดึงชาวอินเดียเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 5-6 แสนคน ผงาดขึ้นอันดับ 1 ที่จะมาเที่ยวไทยในปี 2565 นี้ สร้างรายได้ 22,500–27,000 ล้านบาท

Latest

พระสงฆ์เข้าร่วมดิจิทัลวอลเล็ตได้ ร้านค้าที่เคยลงทะเบียนกับรัฐ แค่กดปุ่มอัปเดตข้อมูล

ททท.นำภาคเอกชนไทยบุกแดนภารตะ ในงาน SATTE 2022 ตั้งเป้าดึงชาวอินเดียเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 5-6 แสนคน ผงาดขึ้นอันดับ 1 ที่จะมาเที่ยวไทยในปี 2565 นี้ สร้างรายได้ 22,500–27,000 ล้านบาท ด้านสวนสยามเตรียมขายอาหารเช้าอินเดียรับเที่ยวบินเช้า เริ่ม 1 มิ.ย.นี้

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้นำภาคเอกชนไทย 24 ราย เข้าร่วมงานส่งเสริมการขาย South Asia Travel and Tourism Exchange (SATTE 2022) ที่กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย โดยในปี 2565 ตั้งเป้านำนักท่องเที่ยวอินเดียไปท่องเที่ยวประเทศไทย 500,000 คน สร้างรายได้ 22,500 ล้านบาท และจากความต้องการเดินทางเข้าไทยที่ในรูปแบบสตรอง รีบาวด์ หรือเด้งกลับมาอย่างแข็งแกร่ง เป็นไปได้ที่ปีนี้มีโอกาสสูงสุดถึง 600,000 คน สร้างรายได้ 27,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ถ้าเป็นไปตามนี้ชาวอินเดียจะถือเป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ที่มีจำนวนสูงสุดที่เข้าไทยในปีนี้ หลังจากในปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 มีนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทย 1.96 ล้านคน และเคยตั้งเป้าจะทำให้ได้ 2 ล้านคน โดยปี 2563 มีจำนวน 261,730 คน และปี 2564 จำนวน 6,544 คน ขณะที่ในปีนี้รัฐบาลจีนยังไม่มีความชัดเจนในการให้คนออกท่องเที่ยวนอกประเทศ ททท.จำเป็นต้องหาตลาดทดแทน ซึ่งอินเดียจะมีส่วนมาทดแทนได้เพราะเป็นประเทศที่มีประชากรสูงและมีเที่ยวบินเข้าไทยจำนวนมาก

“สิ่งที่ทำให้มั่นใจว่าชาวอินเดียสนใจเดินทางท่องเที่ยวไทยในปีนี้ มาจากการติดตามข้อมูลการเดินทางเข้าไทยตั้งแต่ต้นปี พบว่าในแต่ละเดือนมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในเดือน ม.ค.มีจำนวน 2,080 คน เดือน ก.พ. 2,646 คน เดือน มี.ค. เพิ่มเป็น 12,142 คน เนื่องจากตั้งแต่ 27 มี.ค.2565 รัฐบาลอินเดียปลดล็อกให้เครื่องบินพาณิชย์กลับมาบินระหว่างประเทศ ต่อมาในเดือน เม.ย. เพิ่มเป็น 23,796 คน และการที่รัฐบาลไทยยกเลิกระบบเทสต์ แอนด์ โก ตั้งแต่ 1 พ.ค. ทำให้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-17 พ.ค.2565 มีนักท่องเที่ยวอินเดีย รวม 81,205 คน นับเป็นอันดับ 2 รองจากนักท่องเที่ยวสหราชอาณาจักร ที่มีจำนวน 84,600 คน หรือน้อยกว่าอยู่ 3,395 คน จึงเชื่อว่าอีกไม่นานจะขึ้นเป็นอันดับ 1 แน่นอน และเป็นที่สังเกตว่าตั้งแต่ 13 พ.ค.เป็นต้นมา ชาวอินเดียเดินทางเข้ามาไม่ต่ำกว่าวันละ 2,000 คน”

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-17 พ.ค.2565 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย 1,069,727 คน โดยประเทศที่เดินทางมาไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สหราชอาณาจักร อินเดีย เยอรมนี สหรัฐฯ และรัสเซีย จังหวัดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เลือกเดินทางเป็นลำดับต้นๆ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี ภูเก็ต กระบี่ และสุราษฎร์ธานี โดย ททท.มุ่งเน้นเจาะกลุ่มตลาดอินเดียกลุ่มที่มีศักยภาพ มีการใช้จ่ายสูง อาทิ กลุ่มเดินทางเพื่อพักผ่อน กลุ่มครอบครัว กลุ่มมิลเลนเนียล และกลุ่มความสนใจเฉพาะ ได้แก่ กลุ่มแต่งงาน กลุ่มลักชัวรี กลุ่มดูแลสุขภาพ และกลุ่มกอล์ฟ โดยตอนนี้ยังประเมินค่าใช้จ่ายต่อทริปของนักท่องเที่ยวอินเดียที่ 45,000 บาทต่อคนเท่ากับปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 ไว้ก่อน

ด้านนายวุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สยาม พาร์ค บางกอก หรือสวนสยาม กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. จะเริ่มให้บริการอาหารอินเดียมื้อเช้า เพื่อรองรับเที่ยวบินที่มาถึงไทยในช่วงตี 5 และเที่ยวในสวนน้ำสวนสนุกต่อ ขณะที่การเข้าร่วมในงาน SATTE 2022 ในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากบริษัทนำเที่ยวของอินเดียอย่างมาก เพราะมีสินค้าและบริการใหม่มานำเสนอ.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ