นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ยางพาราที่ปรับตัวลดลงในช่วงนี้ เป็นผลจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ทั้งผู้ประกอบการชะลอการซื้อขายยาง นักลงทุนมีความกังวลในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา (เฟด) และราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากการคาดการณ์ปริมาณผลผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มแท่นขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นช่วงสั้นๆ และราคายางจะค่อยๆปรับตัวสูงขึ้นตามแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนลง และปริมาณสต๊อกยาง ณ ตลาดเซี่ยงไฮ้ซึ่งลดลงจากสัปดาห์ก่อน รวมถึงปริมาณยางที่ยังเข้าสู่ตลาดน้อย เพราะผลกระทบจากปริมาณฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องทางภาคใต้ของประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานธนาคารโลกคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจโลก การค้า และการผลิตเริ่มมีการฟื้นตัว โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความแข็งแกร่งของการนำเข้าสินค้าจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว และการฟื้นตัวของความต้องการของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ “หากราคาไม่เป็นที่น่าพอใจชาวสวนยางอย่าเพิ่งเร่งขาย เพราะอาจส่งผลกระทบต่อราคายางในตลาดได้ โดยให้พิจารณาจากข้อมูลที่ กยท.แนะนำประกอบการตัดสินใจก่อน ซึ่งปัจจุบัน กยท.กำลังเร่งออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อให้เกิดเสถียรภาพด้านราคายาง แม้ราคายางจะลดลงในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าสัปดาห์นี้ราคายางจะขยับสูงขึ้นตามกลไกที่แท้จริงของตลาด สำหรับราคาตลาดกลางยางพาราจังหวัดสงขลาวันที่ 6 มิ.ย. ยางแผ่นดิบแตะระดับ 53.35 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ลดลง 2.66 บาทต่อ กก. ยางแผ่นรมควันแตะระดับ 57.07 บาทต่อ กก.ลดลง 0.72 บาทต่อ กก.”