คสช.เทขายข้าวสต๊อกรัฐ 11.73 ล้านตัน เชื่อสิ้นปีนี้ขายเกลี้ยงแน่

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

คสช.เทขายข้าวสต๊อกรัฐ 11.73 ล้านตัน เชื่อสิ้นปีนี้ขายเกลี้ยงแน่

Date Time: 20 เม.ย. 2560 20:47 น.

Video

ฟองสบู่คริปโต ? เข้าให้ถูก ออกให้เป็น | Thairath Money Night Stand EP.3

Summary

  • คสช.เทขายข้าวสต๊อกรัฐ 11.73 ล้านตัน ได้กว่าแสนล้านบาท เชื่อสิ้นปีนี้ขายเกลี้ยงแน่ พาณิชย์ ยอมรับประมูลข้าวเสื่อม 1.04 ล้านตัน 28 เม.ย. ราคาเสนอซื้อต่ำ แต่ดีกว่าวางทิ้งไว้ไม่คุ้ม

Latest


คสช.เทขายข้าวสต๊อกรัฐ 11.73 ล้านตัน ได้กว่าแสนล้านบาท เชื่อสิ้นปีนี้ขายเกลี้ยงแน่ พาณิชย์ ยอมรับประมูลข้าวเสื่อม 1.04 ล้านตัน 28 เม.ย. ราคาเสนอซื้อต่ำ แต่ดีกว่าวางทิ้งไว้ไม่คุ้ม

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 60 นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บริหารประเทศ มีข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ที่เหลือจากรัฐบาลก่อน 17.76 ล้านตัน ซึ่งสามารถระบายออกจากสต๊อกได้แล้ว 12.72 ล้านตัน แบ่งเป็น การขายภายใต้การอนุมัติของรัฐบาลชุดปัจจุบันปริมาณ 11.73 ล้านตัน มูลค่า 111,000 ล้านบาท และอีก 990,000 ตัน เป็นการอนุมัติขายของรัฐบาลชุดก่อน แต่รับมอบในรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยเชื่อว่าสิ้นปี 60 จะสามารถระบายสต๊อกข้าวรัฐบาลที่รับมอบมาได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ สถานะสต๊อกข้าวรัฐบาลที่เหลือในปัจจุบันมีทั้งหมด 5.04 ล้านตัน โดยจะนำข้าวกลุ่ม 3 ปริมาณ 1.04 ล้านตัน ซึ่งเป็นข้าวคุณภาพเสื่อม ข้าวผิดชนิด ผิดมาตรฐาน และเก็บนานเกิน 5 ปี มาเปิดระบายเข้าสู่อุตสาหกรรม ที่ไม่ใช่ทั้งคนและสัตว์บริโภค หรือเข้าสู่อุตสาหกรรมเอทานอล ซึ่งจะเปิดประมูลวันที่ 28 เม.ย.นี้ หากอนุมัติขายออกไปได้หมด จะเหลือข้าวอีกประมาณ 4 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวกลุ่ม 1 หรือข้าวที่สามารถบริโภคได้ตามปกติ ประมาณ 1.72 ล้านตัน ซึ่งจะนำมาเปิดประมูลเป็นการทั่วไปภายในเดือนพ.ค.นี้


ขณะที่ ข้าวกลุ่ม 2 หรือข้าวที่คนไม่สามารถบริโภคได้ แต่สามารถระบายข้าวสู่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ได้ ประมาณ 2.15 ล้านตัน จะนำมาเปิดประมูลในเดือนมิ.ย.นี้ และหากข้าวกลุ่ม 3 ระบายไม่หมดก็จะนำมาเปิดประมูลในเดือนก.ค.ต่อไป

นางดวงพร กล่าวว่า ข้าวในกลุ่ม 3 ที่นำออกมาเปิดประมูล 1.04 ล้านตัน ในวันที่ 28 เม.ย.นี้ ยอมรับว่าเป็นข้าวเสื่อมสภาพมาก ราคาเสนอซื้อนั้นอาจจะต่ำกว่าทุกกลุ่มที่นำมาเปิดประมูล โดยคณะทำงานระบายข้าวจะต้องเทียบเคียงราคาวัตถุดิบที่อุตสาหกรรมเข้ามาเสนอซื้อ ซึ่งการอนุมัติขายจะต้องใช้หลายปัจจัยประกอบการพิจารณา เช่น ค่าฝากเก็บสต๊อกข้าวที่มีค่าใช้จ่ายวันละ 17 ล้านบาท หากไม่ขายจะต้องจ่ายต่อไปอีกเรื่อยๆ และยังทำให้สต๊อกมีอยู่มาก รวมถึงผลกระทบต่อราคาข้าวในตลาดรวม เพราะปริมาณข้าวในสต๊อกที่ยังมากอยู่ จะมีผลดึงราคาข้าวปัจจุบัน ซึ่งมูลค่าข้าวในตลาดมีมูลค่ามากกว่าผลขาดทุนจากการขายข้าวเสื่อม

“เรื่องขาดทุนต้องทำใจมานาน เพราะรับจำนำมาในราคาสูงขนาดนั้น การนำออกมาขายก็ต้องขาดทุน เชื่อว่าสังคมจะเข้าใจได้ ซึ่งข้าวกลุ่ม 3 ที่นำออกมาขายมีสภาพเสื่อมสุดๆ ขายได้เท่าไรก็ดีกว่าวางไว้เฉยๆ เพราะมีภาระค่าจัดเก็บสต๊อก และกลไกตลาดข้าวก็ไม่เดินปกติหากยังมีภาระสต๊อกอยู่ ส่วนเรื่องเรียกค่าเสียหายเซอร์เวเยอร์และโกดังกลางที่ต้องรับผิดชอบค่าเสื่อมสภาพข้าว ก็อยู่ในกระบวนการของศาลที่ต้องเรียกค่าเสียหายต่อไป”

สำหรับการส่งออกไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-18 เม.ย. 60 ส่งออกข้าวได้แล้ว 3.48 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.4% เทียบกับช่วงเดียวกันปี 59 คิดเป็นมูลค่า 51,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.87% คาดว่าการส่งออกข้าวไทยจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ส่งออก 10 ล้านตัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากคำนวณปริมาณข้าวที่ คสช.อนุมัติขายออกไป 11.73 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 111,000 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยที่อนุมัติขายประมาณ 11,000 บาท/ตัน หรือ 11 บาท/กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบกับราคาต้นทุนจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเฉลี่ย 15,000 บาท/ตัน หรือต้นทุนข้าวสาร 24,000 บาท/ตัน จะขาดทุนประมาณ 13,000 บาท/ตัน รวมปริมาณ 11.73 ล้านตัน จะขาดทุนจากต้นทุนรับจำนำข้าวประมาณ 150,000 ล้านบาท


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ