
'พาณิชย์' มั่นใจ อันดับความยาก-ง่ายทำธุรกิจไทยปี 61 ที่ธนาคารโลกจะประกาศเดือนต.ค.นี้ ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ตั้งเป้าติด 1 ใน 30 หลังเปิดให้จดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ 18 เม.ย.นี้
เมื่อวันที่ 28 มี.ค.60 นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงอันดับความยาก-ง่ายในการทำธุรกิจของไทยประจำปี 61 ที่ธนาคารโลกจะประกาศผลเดือนต.ค.60 ว่า มั่นใจอันดับของไทยจะดีขึ้นแบบก้าวกระโดด หรือขยับมาอยู่ใน 30 อันดับแรก จาก 190 ประเทศที่ถูกจัดอันดับทั่วโลก ตามเป้าหมายของรัฐบาล จากปี 60 ที่ธนาคารโลกได้ประกาศผลเมื่อเดือนต.ค.59 ไทยอยู่ที่อันดับ 46 ส่วนตัวชี้วัดด้านการเริ่มต้นการทำธุรกิจของไทย จะขยับขึ้นแบบก้าวกระโดดเช่นกัน จากปี 60 ไทยอยู่อันดับที่ 78 ซึ่งจะส่งผลดีต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยของนักธุรกิจต่างชาติ
สำหรับสาเหตุที่ทำให้มั่นใจว่า ผลการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจของไทยจะดีขึ้น เป็นเพราะกรมได้พัฒนาระบบจดทะเบียนนิติบุคคลให้มีความทันสมัย และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยสามารถจดทะเบียนนิติบุคคลทางออนไลน์ หรือทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ได้แล้ว ซึ่งผู้ประกอบการสามารถใช้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่เริ่มต้นจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ เปลี่ยนแปลง จนถึงเลิกประกอบธุรกิจ
“ทุกขั้นตอนดำเนินการผ่านระบบ e-Registration ทำให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวกรวดเร็ว ลดขั้นตอนการยื่นขอจดทะเบียน ลดการใช้เอกสาร ลดค่าใช้จ่าย และระยะเวลาการเดินทางมาติดต่อเจ้าหน้าที่ (นายทะเบียน) และทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น”
อย่างไรก็ตาม e-Registration จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.นี้ เป็นต้นไป ซึ่งเมื่อเปิดให้ใช้บริการอย่างสมบูรณ์แล้ว จะส่งผลให้การจดทะเบียนธุรกิจของไทยเทียบเท่าประเทศที่มีแนวปฏิบัติด้านการให้บริการจดทะเบียนธุรกิจที่เป็นเลิศของโลกจาก Best Practice เช่น นิวซีแลนด์ ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยยกระดับประเทศไทยให้เป็นประเทศที่ง่ายต่อการเริ่มต้นธุรกิจ
ทั้งนี้ ในทุกปี ธนาคารโลกจะจัดทำรายงานการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของ 190 ประเทศทั่วโลก หรือ Doing Business ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจเกี่ยวกับกระบวนการ ขั้นตอน ระยะเวลาการให้บริการ ค่าใช้จ่าย ระบบอำนวยความสะดวกของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงกฎหมายและระเบียบต่างๆ ของภาครัฐ โดยมีตัวชี้วัดในการสำรวจ 10 ด้าน ได้แก่ การเริ่มต้นธุรกิจ การขออนุญาตก่อสร้าง การขอใช้ไฟฟ้า การจดทะเบียนสินทรัพย์ การได้รับสินเชื่อ การคุ้มครองผู้ลงทุน การชำระภาษี การค้าระหว่างประเทศ การบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง และการแก้ไขปัญหาล้มละลาย