
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว. พาณิชย์ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้นำประเด็นการขึ้นภาษีตอบโต้มาใช้เป็นเงื่อนไขต่อรองให้ไทย–กัมพูชาหยุดยิง ระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยเป็นการพูดคุยที่เป็นไปด้วยดีและไม่ได้กดดันฝ่ายไทยแต่อย่างใด
ซึ่งในการสนทนาซึ่งใช้เวลาราว 20 นาที ประธานาธิบดี “ทรัมป์” เพียงสอบถามความคืบหน้าการเจรจาภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ในช่วงท้ายก่อนวางสาย หลังนายกรัฐมนตรีแจ้งว่ายังไม่มีการหารือต่อ ประธานาธิบดีจึงระบุว่าจะประสานให้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) เดินหน้าเจรจากับไทยต่อ โดยไม่ได้ยกเรื่องภาษีมาเป็นข้อต่อรองทางการเมือง
สำหรับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา นางศุภจี กล่าวว่า ฝ่ายไทยยืนยันจุดยืนในการรักษาอธิปไตย ความปลอดภัยของประชาชน และกำลังทหาร โดยการพิจารณาหยุดปฏิบัติการทางทหารจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อกัมพูชาแสดงท่าทีชัดเจนในการหยุดยิงและปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพก่อน
ทั้งนี้ หลังการสนทนาดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แจ้งผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า สหรัฐฯ จะเริ่มกลับมาเจรจาในระดับเทคนิคกับไทยอีกครั้ง หลังจากการหารือถูกชะลอไปตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สัญญาณดังกล่าวยังมาจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ไม่ใช่จาก USTR โดยตรง ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 1–2 วัน ขณะที่ฝ่ายไทยยืนยันความพร้อมในการเจรจาทันทีที่สหรัฐฯ นัดหมาย
นางศุภจี กล่าวเพิ่มเติมว่า ระหว่างที่ยังไม่กลับเข้าสู่การเจรจาอย่างเป็นทางการ ฝ่ายไทยได้เตรียมความพร้อมภายใน โดยมอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ศึกษาข้อมูลประเทศที่เจรจากับสหรัฐฯ สำเร็จแล้ว เพื่อใช้เป็นแนวทางและป้องกันการเสียเปรียบ รวมถึงรวบรวมข้อมูลสินค้าที่สหรัฐฯ ยกเว้นการเก็บภาษีตอบโต้ เพื่อประเมินว่าสินค้าไทยรายการใดมีโอกาสได้รับสิทธิยกเว้นภายหลังการเจรจาภาษีไทย–สหรัฐฯ เสร็จสิ้น โดยอยู่ระหว่างรับข้อมูลจากภาคเอกชน
“การเจรจาไม่ได้มีแค่ประเด็นทางเทคนิคภายใต้กรอบความตกลงเท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดด้านสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ของไทยที่ต้องจัดเตรียมให้รอบด้าน” นางศุภจี กล่าว