กนอ.จ่อออกมาตรการช่วยโรงงานหาดใหญ่ เปิดแผนรับเศรษฐกิจยุคใหม่

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการเข้าสู่ยุคดิจิทัล กนอ. จึงต้องปฏิรูปครั้งใหญ่ภายใต้แนวคิด “One for All” หรือก้าวเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมไทย โดยจากนี้ไป กนอ. จะไม่ใช่เพียงคนขายที่ดิน แต่ต้องเป็นกลไกหลักที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโต และต้องเป็น Platform ที่เชื่อมโยงนวัตกรรม เทคโนโลยี และการศึกษา เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

“ในปัจจุบัน กนอ. ดูแลนิคมอุตสาหกรรม 81 แห่ง และ 1 ท่าเรือ ครอบคลุมพื้นที่ 200,000 ไร่ใน 17 จังหวัด มีโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐาน 5,471 แห่ง เม็ดเงินลงทุนสะสม 15.21 ล้านล้านบาท และจ้างงาน 1 ล้านคน”

ทั้งนี้ หลังเหตุการณ์น้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เข้าสู่ภาวะปกติ กนอ. มีแผนช่วยเหลือผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ และนิคมอุตสาหกรรมสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ไข่แดงที่ขณะนี้ต้องหยุดกิจการชั่วคราว โดยจะพิจารณาช่วยลดค่าบริการต่างๆ เช่น ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าเช่าที่ดิน และค่าบริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลางให้เป็นกรณีพิเศษ

“น้ำท่วมที่ อ.หาดใหญ่ เป็นบทเรียนสำคัญที่ต้องปรับปรุงเรื่องระบบขนส่ง ซึ่ง กนอ. ต้องออกแบบระบบขนส่งใหม่ เพื่อให้สามารถส่งกำลังบำรุงจากพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมไปยัง อ.หาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด โดยไม่ให้กลายเป็นพื้นที่ไข่แดงที่ถูกตัดขาด โดยจะเสนอแนวคิดในการปรับปรุงพื้นที่ถนนบริเวณที่ถูกน้ำตัดขาด 400-500 เมตร ไปยังกรมทางหลวงชนบท”

นอกจากนี้ มองเห็นโอกาสจากสถานการณ์นี้ ขอเชิญชวนโรงงานที่อยู่นอกนิคมอุตสาหกรรมสงขลาให้เข้ามาตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ที่จังหวัดสงขลาแทน เพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากมั่นใจว่าแม้จะมีน้ำท่วมปริมาณมากและรวดเร็ว แต่น้ำก็ยังไม่เข้าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสงขลา โดยปัจจุบันนักลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมสงขลามี อาทิ บริษัทที่ผลิตถุงมือยางและถุงยางอนามัย เป็นต้น และล่าสุดนิคมอุตสาหกรรมสงขลายังมีพื้นที่เหลือขายรองรับนักลงทุนได้อีก 30%

สำหรับผลกระทบจากเหตุปะทะในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยอมรับว่าส่งผลให้ผู้ประกอบการกิจการในนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว มีจำนวนผู้ประกอบการในพื้นที่นิคมฯแห่งนี้ลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดมีโรงงานที่เปิดกิจการเหลือเพียง 4 รายที่ยังคงมีสัญญาเช่าอยู่ และอยู่ระหว่างเจรจา เพื่อขอย้ายออกจากพื้นที่นิคมฯสระแก้วเป็นการชั่วคราวตามคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เพื่อความปลอดภัย เพราะหากสถานการณ์สู้รบยืดเยื้อ การย้ายโรงงานเป็นเรื่องที่ไม่สามารถดำเนินการได้ง่ายๆ เพราะการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมีมูลค่าการลงทุนที่ค่อนข้างสูง

“ยืนยันว่า กนอ. จะยังผลักดันและสนับสนุนให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมสระแก้วหลังเหตุการณ์สงบอย่างต่อเนื่อง เพราะประเทศไทยยังต้องการการลงทุนของโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ชายแดน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนและการจ้างงานตามแนวชายแดน ซึ่งหลังจากนี้จะเตรียมทำแผนงานเสนอให้ รมว.อุตสาหกรรมรับทราบต่อไป”