หวั่นเศรษฐกิจไทยไม่รอดพิษบาทแข็ง“คลัง”สั่งเร่งนำเข้า-ใช้หนี้นอก-ธปท.ออกกฎคุมเข้มซื้อขายทอง

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

หวั่นเศรษฐกิจไทยไม่รอดพิษบาทแข็ง“คลัง”สั่งเร่งนำเข้า-ใช้หนี้นอก-ธปท.ออกกฎคุมเข้มซื้อขายทอง

Date Time: 16 ธ.ค. 2568 07:25 น.

Video

อธิบายทีเดียวว่า ทำไมฟองสบู่ AI จะไม่แตกซ้ำรอยดอทคอม? | Digital Frontiers EP.51

Summary

คลัง-ธปท.กุมขมับบาทแข็งสุดรอบกว่า 4 ปี ธปท.เร่งออกมาตรการคุมเข้มซื้อของทองคำ คลังสั่งหน่วยงานรัฐเร่งนำเข้า-ใช้หนี้หวั่นไปไม่รอด

Latest


“คลัง” ห่วงบาทแข็งค่าหนักสุดในรอบมากกว่า 4 ปี ชี้เศรษฐกิจไทยรับไม่ได้ เหตุพึ่งพาส่งออกสูง สั่งเร่งรัฐวิสาหกิจนำเข้าเครื่องจักร-บริหารหนี้ต่างประเทศ  ด้านธปท. สั่งการให้เข้มงวดธุรกรรมขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าของร้านทอง เพื่อลดผลกระทบต่อค่าเงินบาท นัดหารือร้านทองทำความเข้าใจรายงานการซื้อขายทองสัปดาห์หน้า

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง  เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากสุดในรอบ 4 ปีนั้น กระทรวงารคลัง ได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาท โดยปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งค่า เป็นไปตามทิศทางการเงินโลก โดยเฉพาะการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้เม็ดเงินไหลจากที่ต่ำไปสู่ที่สูงและเกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทางของกระแสเงินทุน

“ผมและผู้ว่าฯธปท. ได้หารือกันอย่างใกล้ชิด  แต่การบริหารจัดการเรื่องค่าเงินบาท เป็นอำนาจของธปท ซึ่งมีความอิสระในการดำเนินนโยบาย แต่ได้สื่อสารและประสานความเข้าใจว่า ในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเกินไปนั้นเป็นสิ่งที่เศรษฐกิจไทยรับไม่ได้ สาเหตุสำคัญคือโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยยังคงพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักการที่ค่าเงินมีความผันผวนหรือแข็งค่าขึ้นขนาดนี้ ทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่มีอยู่ยังไม่พร้อมที่จะรองรับสถานการณ์ดังกล่าวได้”

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบค่าเงินบาทแข็งค่า  ในส่วนของกระทรวงการคลังได้มอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่ทำได้ทันที ได้แก่ 1.การเร่งนำเข้าของภาครัฐ สั่งการให้รัฐวิสาหกิจและภาคราชการ อาศัยจังหวะที่เงินบาทแข็งค่า เร่งนำเข้าเครื่องจักรหรือสินค้าที่จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อใช้ประโยชน์จากค่าเงิน 2.การบริหารหนี้สาธารณะ มอบหมายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ดูแลเรื่องการคืนหนี้ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้มีข้อจำกัดเนื่องจากประเทศไทยมีสัดส่วนหนี้ต่างประเทศไม่มากนัก แต่ทางกระทรวงการคลังก็พยายามดำเนินการในส่วนที่สามารถทำได้เพื่อช่วยดูแลค่าเงิน

ด้านนางสาวพิมพ์พันธ์ เจริญขวัญ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้สั่งการให้สถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดธุรกรรมขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าของกลุ่มผู้ค้าทองคำซึ่งอาจส่งผลเพิ่มความผันผวนของค่าเงินบาท โดยให้สถาบันการเงินต้องเรียกตรวจหลักฐานการขายทองกับคู่ค้าต่างประเทศจากร้านทองทุกธุรกรรม นอกจากนี้ ยังต้องเรียกเอกสารเรียกเก็บเงินและใบขนทองคำภายใน 2 วันทำการ นับจากวันที่ร้านทองส่งมอบเงินตราต่างประเทศด้วยเพื่อให้มั่นใจว่า การขายเงินตราต่างประเทศเกิดจากการส่งออกทองคำจริง ทั้งนี้การที่ ธปท. ออกมาเพิ่มความเข้มงวดในการทำธุรกรรมการซื้อขายเงินตราของกลุ่มผู้ค้าทอง ถือเป็นการเพิ่มความเข้มงวดต่อธุรกรรมที่อาจส่งผลต่อความผันผวนของค่าเงินบาท 

ขณะเดียวกัน ธปท. อยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นในการปรับปรุงหลักเกณฑ์ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (hearing) โดยเสนอให้ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ต้องรายงานข้อมูลธุรกรรมที่เกี่ยวข้องให้ ธปท.รับทราบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามธุรกรรม ประเมินผลกระทบต่อค่าเงินบาท และพิจารณานโยบายที่เกี่ยวข้องและเหมาะสมต่อไป โดยอาจมีการหารือและชี้แจงแนวทางการรายงานแก่ร้านทอง โดยน่าจะเป็นช่วงต้นสัปดาห์หน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มองทิศทางค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ยังแข็งค่าต่อเนื่อง หลังจากเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 3 เดือนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเปิดวันจันทร์ที่ 15 ธ.ค.เงินบาทซื้อขายใกล้ระดับแข็งค่าสุดในรอบมากกว่า 4 ปี เงินบาท เปิดตลาดที่ระดับ 31.53 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากช่วงปิดตลาดเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 31.61 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เน้นย้ำถึงความเสี่ยงด้านลบต่อภาคแรงงานในสหรัฐฯ สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.25% ในการประชุมวันที่ 17 ธ.ค.เพื่อรักษาแรงส่งทางเศรษฐกิจจากการคลังที่จำกัดมากขึ้นจากการยุบสภา ทำให้เครื่องมือดอกเบี้ยนโยบายจำเป็นต้องมีบทบาทมากขึ้นในการประคองความเชื่อมั่น ทั้งนี้ ในช่วงปิดตลาดค่าเงินบาทปรับตัวขึ้นแข็งต่อมาอยู่ที่  31.43 บาทต่อดอลาร์ฯ

    



Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ