
ครม.ไฟเขียวแพคเกจใหญ่ “Quick Big Win เพื่อ SMEs ไทย” วงเงิน 3.27 แสนล้านบาท เติมเสริมสภาพคล่อง- ลดต้นทุน สั่งแบงก์รัฐ 7 แห่งปล่อยสินเชื่อ 2.67 แสนล้าน พร้อมเร่งสรรพากรคืนภาษี 6 หมื่นล้าน ดันจีดีพีปีหน้าขยายตัวพิ่มขึ้น 0.36% ส่วนคนละครึ่งพลัส 2 รอทบทวนอีกทีว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการ “Quick Big Win เพื่อ SMEs ไทย” ตามข้อเสนอคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เพื่อเร่งพยุงฐานเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นในช่วงที่สินเชื่อชะลอตัว ภายใต้หลัก “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” โดยเม็ดเงินช่วยเหลือ แพ็กเกจด้านการเงินและมาตรการภาษี รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 327,000 ล้านบาท ประกอบด้วยมาตรการด้านการเงิน 267,000 ล้านบาท และเงินคืนภาษีให้กับ SMEs จากกรมสรรพากรกว่า 60,000 ล้านบาท
โดยมาตรการด้านการเงิน วงเงินรวม 267,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อใหม่ 217,000 ล้านบาท และค้ำประกันสินเชื่อ 50,000 ล้านบาท โดยนส่วนของการค้ำประกันสินเชื่อนั้น บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ดำเนินโครงการค้ำประกัน “SMEs Quick Big Win” ฟรีค่าธรรมเนียม 3 ปีแรก แยกเป็น 3 โครงการ ได้แก่ SMEs Go Big, SMEs Smart Win และ SMEs Quick LG พร้อมขยายโครงการ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 11 ไปจนถึงวันที่ 30 ธ.ค.2569 เพื่อเพิ่มโอกาสให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อ
ส่วนการปล่อยสินเชื่อใหม่ อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน จะประกอบด้วย ธนาคารออมสินที่จะขับเคลื่อนโครงการ “GSB พลิกฟื้นธุรกิจไทย” ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) วงเงิน 100,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 4 โครงการย่อย ได้แก่ Mitigation ช่วยผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย, สินเชื่อสร้างพลวัตใหม่เพื่ออนาคตเศรษฐกิจไทย Reinvent Thailand, สินเชื่อปรับตัวเพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจ Transformation และท่องเที่ยว Tourism เปิดรับคำขอถึง 31 มี.ค.2570 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดสรรสินเชื่อ 80,000 ล้านบาท ช่วยเกษตรกรและและผู้ประกอบการเอสเอ็อีภาคเกษตร ผ่าน “ชุมชนสร้างไทย ระยะที่ 3” และ “SME ไทยไชโย” ยื่นคำขอได้ถึงวันที่ 31 ก.ค.2571 ด้าน SME Bank ปรับเกณฑ์สินเชื่อปลุกพลัง SME และ Beyond ติดปีก SME 20,000 ล้านบาท เสริมสภาพคล่อง Micro SMEs และ SMEs ทั่วไป ยื่นคำขอได้ถึง 30 ธ.ค.2569
ขณะที่ด้านการส่งออก ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM) จัดสินเชื่อและประกันการส่งออก 12,000 ล้านบาท ส่วนธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยสนับสนุนผู้ประกอบการมุสลิม 3,000 ล้านบาท และธนาคารอาคารสงเคราะห์อัดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์และบ้านจัดสรรในภูมิภาค 2,000 ล้านบาท
ด้านมาตรการภาษี ได้สั่งการให้กรมสรรพากรเร่งคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลผ่านระบบ Fast Track ให้ SME เกือบ 20,000 ราย วงเงิน 60,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้ ควบคู่โครงการ “พี่ช่วยน้อง” ที่ให้บริษัทใหญ่ช่วยยกระดับ SME ในห่วงโซ่อุปทาน คาดมีผู้เข้าร่วมกว่า 1,500 ราย และช่วยให้คืนภาษีเร็วขึ้น 1,700 ล้านบาทต่อปี ขณะที่กรมศุลกากรยกเลิกการยกเว้นภาษี De Minimis Value (DMV) เพื่อสร้างความเป็นธรรมระหว่างสินค้าไทยกับสินค้านำเข้า “มาตรการนี้จะช่วย กระตุ้นสั้น ด้วยเงินเข้าสู่ระบบพร้อม กระจายตัว ให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อมากกว่า 107,000 ราย และในเชิงโครงสร้างจะ ได้ผลยาว โดยช่วยให้เศรษฐกิจไทยปี 2569 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.36 % ถือเป็นแรงส่งสำคัญให้ภาคธุรกิจกลับมาเดินได้เต็มกำลัง”
ส่วนคำถามที่ว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลยังทำผ่านมาตรการคนละครึ่งเฟส2 หรือไม่ นายเอกนิติ กล่าวว่า ว่า ขณะนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ยังให้นโยบายให้กระทรวงการคลังไปศึกษาความเป็นไปได้ของการทำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้มาตรการคนละครึ่งเฟส 2 ควบคู่ไปกับการเยียวยาและฟื้นฟูอุทกภัยภาคใต้ แต่ยอมรับว่างบประมาณที่จะได้มีข้อจำกัด เนื่องจากทั้งสองส่วนมาจากงบประมาณส่วนเดียวกัน เมื่อมีความจำเป็นในเรื่องของอุทกภัยก็ต้องพิจารณาในการเยียวยาเป็นหลัก ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปเกี่ยวกับนโยบายคนละครึ่งจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง