ส.อ.ท.ร่วมต้านคอร์รัปชัน

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ส.อ.ท.ร่วมต้านคอร์รัปชัน

Date Time: 25 พ.ย. 2568 04:12 น.

Summary

ส.อ.ท. ห่วงเศรษฐกิจไทยอาจถดถอยหากไม่เร่งฟื้นตัวในไตรมาสแรกของปีหน้า

  • ดัชนี CPI ไทยต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน สะท้อนปัญหาคอร์รัปชัน
  • ส.อ.ท. ร่วมกับ กกร. จัดตั้งคณะทำงาน Zero Corruption เพื่อปราบปรามทุจริต
  • ส.อ.ท. เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต่อรัฐบาลชุดใหม่
  • ส.อ.ท. เน้นย้ำการปฏิรูปเชิงระบบเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย

Latest

ผู้ว่า กฟผ.คนใหม่เปิดวิชั่นปี69 ประกาศลั่น! ลุยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก

ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดอีกครั้ง นับตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 และวิกฤติโควิดปี 2563 จากแรงกดดันสารพัดปัจจัยลบ

นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หากรัฐบาลและภาคเอกชนยังไม่สามารถทำงานร่วมกันเพื่อเร่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ทันการในไตรมาสแรกของปีหน้า เศรษฐกิจหมุนเวียนภายในประเทศไทยจะถดถอย การจ้างงานจะยิ่งได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง อัตราการว่างงานจะมากขึ้น ซึ่งจะซ้ำเติมปัญหากำลังซื้อในประเทศให้ยิ่งทรุดตัวแย่ลงไปอีก

รองประธาน ส.อ.ท.ระบุว่า ประเด็นที่น่ากังวลที่สุดเมื่อเทียบกับนานาประเทศ คือผลดัชนีการรับรู้คอร์รัปชัน (Corruption Perceptions Index : CPI) ล่าสุด สำรวจโดยองค์กรเพื่อ

ความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International : TI) จากคะแนนเต็ม 100 ประเทศไทยได้เพียง 34 คะแนนเท่านั้น ตกต่ำแย่กว่าสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย อย่างน่าเป็นห่วง ช่องว่างคะแนนที่ถ่างออกคือสัญญาณชัดเจนว่าปัญหาคอร์รัปชัน โดยเฉพาะต้นน้ำในระดับผู้มีอำนาจทางการเมืองได้บั่นทอนความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไทย

ส.อ.ท.จึงได้ร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จัดตั้ง “คณะทำงาน Zero Corruption กกร. และเพื่อน ไม่ทน” เพราะประเทศไทยไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นใดๆได้ หากยังมีนักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ประกอบการสีเทา สมคบคิดแสวงหาผลประโยชน์และทำลายการบังคับใช้กฎหมาย

นายนาวากล่าวว่า ตนยังได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในคณะทำงาน Zero Corruption ของ กกร. และพันธมิตร โดยจะยึดหลักการ “ส่งเสริมคนดี ราวีคนเลว” ซึ่งหมายถึง การยกย่องผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ และเปิดโปงผลักดันให้มีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดต่อผู้ทุจริตบ่อนทำลายระบบ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งระดับใดก็ตาม

กรณีตัวอย่างที่คณะทำงานจะติดตามอย่างใกล้ชิดคือ ช่องโหว่การปล่อยสินค้าทั้งนำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในประเทศไทย ซึ่งไม่ผ่านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) รวมถึงการเลี่ยงภาษีอากร ที่สร้างความเสียหายทั้งต่อความปลอดภัยสาธารณะ รายได้ประเทศชาติ และเอาเปรียบผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจอย่างถูกกฎหมาย

ในระยะเวลาที่ผ่านมา ส.อ.ท.มีโอกาสได้นำเสนอแนวทางดำเนินการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติต่อรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล และคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับข้อเสนอจากภาคเอกชนแล้วนำไปลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังจนเริ่มเกิด Quick Big Win หลายประการแล้ว อย่างไรก็ตาม ส.อ.ท.ยังคงมีความกังวลอย่างยิ่งกับบางกระทรวงที่ยังไม่มีผลงานชัดเจน และมีข้อสงสัยจากสาธารณชนว่ามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับกลุ่มทุนสีเทาที่อาจบิดเบือนการใช้อำนาจรัฐ เพราะหากยังปล่อยให้กลไกรัฐบางส่วนถูกชักใยโดยกลุ่มทุนสีเทา ประเทศไทยย่อมพ่ายแพ้ในห้วงเวลาที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างรวดเร็วนี้

ทั้งนี้ จากการที่แนวโน้มปี 2569 มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตเพียง 1.6% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าศักยภาพของประเทศไทยที่เคยเป็นและที่ควรจะเป็น เทียบกับสิงคโปร์ มาเลเซีย ที่ยังมีความได้เปรียบเชิงโครงสร้าง รวมถึงเวียดนามและอินโดนีเซียที่ยังรักษาอัตราการเติบโตสูง ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องเร่งปฏิรูปเชิงระบบ มิฉะนั้น ช่องว่างการแข่งขันจะยิ่งขยายตัวจนยากจะไล่ทันในระยะยาว

ในด้านการบริหารองค์กร ส.อ.ท. ซึ่งเดินหน้าภายใต้แนวทาง “One FTI” อย่างเข้มแข็งในระยะเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันยังได้ผลักดันภารกิจเร่งด่วนที่ประเทศต้องทำทันที ได้แก่ 1.ปราบปรามคอร์รัปชันทุกระดับ 2.ปฏิรูปกฎหมายและระบบบังคับใช้ให้เข้มงวด 3.พัฒนาและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย 4.สร้างสภาพแวดล้อมธุรกิจที่โปร่งใสแข่งขันได้ และดึงดูดการลงทุนระยะยาว และ 5.ผลักดันนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์และ SMEs อย่างเป็นรูปธรรม

ส.อ.ท.ต้องการความต่อเนื่องของนโยบาย และผู้นำที่มีประสบการณ์อุทิศตนทำงานเพื่อ ส.อ.ท. ยาวนานหลายสมัยเข้าใจปัญหาอุตสาหกรรมจริง ผ่านการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสมาชิกสภาอุตสาหกรรมจังหวัด และกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆมานับครั้งไม่ถ้วน ในยามที่หลายอุตสาหกรรมเผชิญแรงกดดันหนักที่สุดในรอบหลายปี เพื่อพร้อมทำงานได้ทันทีตั้งแต่วันแรก ให้ ส.อ.ท.เดินหน้าภารกิจต่อได้อย่างมั่นคง แข็งแกร่ง เป็นเอกภาพ และเสียงของ ส.อ.ท.มีพลังต่อไป โดยเป้าหมายต่อเนื่องของ ส.อ.ท. คือ การยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมของประเทศไทยทั้งระบบ ควบคู่กับการดูแล SMEs ให้อยู่รอด ยืนและเติบโตได้ในยุคการแข่งขันรุนแรง ทุกการตัดสินใจต้องตั้งอยู่บนหลักประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ ประชาชน และอุตสาหกรรมส่วนรวมเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวกลับมา และประเทศไทยยืนได้อย่างสง่างามบนเวทีโลก

“ส.อ.ท.เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพมหาศาล พร้อมฟื้นตัวและก้าวพ้นหล่มที่ตกยืดเยื้อมานาน หากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจัง”.

เจริญสุข ลิมป์บรรจงกิจ


คลิกอ่านคอลัมน์ “The Issue” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ