
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงาน Bangkok Post Economic Forum 2025 ว่า รัฐบาลจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดความต่อเนื่อง โดยสัปดาห์หน้าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาปลดล็อกกฎระเบียบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกการลงทุนให้เกิดขึ้นจริงราว 300,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการลงทุนเหล่านี้ได้รับอนุมัติจากสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และสัปดาห์ถัดไปจะเสนอเพิ่มสภาพคล่องช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) รวมถึงการเร่งรัดการคืนภาษีให้กับผู้ประกอบการ
ส่วนกรณีที่จะมีการยุบสภานั้นจะไม่มีผลต่อการขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแต่อย่างใด และจะพยายามผลักดันและอนุมัติภายในเดือนธ.ค.นี้ รวมถึงการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ก็จะไม่มีผลกระทบ เนื่องจากยังไม่ได้มีการลงนามในสาระสำคัญ แต่เป็นการเจรจาเพื่อนำไปสู่การลงนามในอนาคต
“หากมีการยุบสภาฯ นั้น ในสถานะนี้จะไม่สามารถดำเนินการขออนุมัติสนธิสัญญาต่างๆ ได้ แต่การเจรจาและหาตลาดใหม่นั้นไม่ควรหยุดลงและจะยังคงดำเนินต่อไป”
นายเอกนิติ กล่าวต่อว่า การส่งเสริมการออมนั้นคาดว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้จะมีรูปแบบการออมที่ชัดเจน ซึ่งจะมุ่งเน้นการส่งเสริมการออมและการลงทุนระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ารูปแบบการลดหย่อนภาษีแบบเดิมซึ่งบางครั้งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุน โดยผู้ลงทุนจะสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้ตามความต้องการและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เช่น พันธบัตรสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัย หรือกองทุนที่เน้นเทคโนโลยี AI
นอกจากนี้ รัฐบาลจะดึงดูดการออมของประชาชน ผ่านความนิยมในการเสี่ยงโชค โดยจะให้เงินคืนสำหรับผู้ซื้อหวยแต่ไม่ถูกรางวัล โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกระทรวงการคลังจะกำหนดให้สะสมเงินออมจากการซื้อหวยแล้วไม่ถูกรางวัลถึงอายุ 55 ปี จึงจะสามารถถอนเงินได้ ส่วนผู้ที่ยังซื้อหวยอยู่ จะกำหนดให้สะสมอีก 5 ปี เป็นต้น
นายเอกนิติ กล่าวว่า สำหรับนโยบายการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) นั้น มาจากแผนการคลังระยะปานกลาง ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา โจทย์สำคัญของแผนนี้คือการทำให้ฐานะทางการคลังของประเทศมั่นคงและแข็งแกร่ง
“ไม่ได้บอกว่าจะขึ้น Vat ตอนนี้ แม้เรื่องนี้จะอยู่ในแผนระยะปานกลาง เป็นแผนที่รัฐบาลต้องเตรียมไว้เพื่อให้ฐานะการคลังให้มั่นคง โจทย์ใหญ่คือต้องการทำให้ฐานะการคลังเรามั่นคง ถ้าเราไม่เตรียมพร้อม building for the future ประเทศไทยอาจจะยิ่งแย่ได้”
ทั้งนี้การพิจารณาเรื่องรายรับรายจ่ายของรัฐบาลนั้น ต้องพิจารณาในรายละเอียด ครอบคลุมทั้งด้านรายได้และรายจ่ายที่ชัดเจน โดยด้านรายได้ จะมีการพิจารณาทั้งการขึ้นภาษีและลดภาษี โดยการลดภาษีนั้น อยู่ระหว่างศึกษาที่จะพิจารณาเรื่องค่าลดหย่อนภาษี เช่น มนุษย์เงินเดือนและผู้มีรายได้ระดับล่างให้มากขึ้น ขณะที่กลุ่มรายได้สูง หรือผู้มีรายได้เกิน จะลดค่าลดหย่อนลง เพื่อให้โครงสร้างภาษีเป็นธรรมขึ้น ส่วนด้านรายจ่าย จะมีการเพิ่มการลงทุน และลดรายจ่ายจากงบประจำที่ไม่จำเป็น
“อยากให้ช่วยสื่อสารให้ชัดเจนว่าเรื่องปรับขึ้น Vat ไม่อยากให้ถูกหยิบไปเป็นประเด็นการเมือง เพราะเราทำเพื่อให้ประเทศมีความมั่นคงทางการคลังจริงๆ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ปรับขึ้น เพราะต้องพิจารณาตามสภาพเศรษฐกิจก่อน”