
น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ปี 68 ว่า เศรษฐกิจขยายตัว 1.2% ลดลงจาก 2.8% ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อปรับฤดูกาล หดตัว 0.6% เป็นการติดลบไตรมาสต่อไตรมาสครั้งแรกในรอบ 10 ไตรมาส ทำให้ช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ปีนี้ เศรษฐกิจไทยเติบโต 2.4% และสศช.ยังคงกรณีฐานว่า ปีนี้จะโต 2% ซึ่งทำให้คาดว่าไตรมาส 4 จะขยายตัว 0.6% อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า ไทยเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค จากข้อมูลไตรมาสเดียว เพราะต้องเป็นการติดลบไตรมาสต่อไตรมาส รวม 2 ไตรมาสติดต่อกัน
ส่วนที่นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ประเมินว่า เศรษฐกิจไตรมาส 4 มีโอกาสขยายตัว 1.1% นั้น เป็นมุมที่เข้าใจได้ เพราะคลังอยู่ใกล้ข้อมูลภาษี รายได้รัฐ และผลของมาตรการแบบวันต่อวัน จึงอาจเห็นแรงส่งเร็วกว่า สศช. และการที่สศช.ประเมินที่ 0.6% ไม่ใช่เพราะมองเศรษฐกิจแย่กว่า แต่เพราะต้องอิงข้อมูลที่มีหลักฐานครบถ้วน ณ วันตัดยอด และหลายมาตรการของรัฐเพิ่งเริ่มเดินงานจริง หรือยังไม่เริ่มเลย จึงยังไม่สะท้อนในแบบจำลอง แต่ถ้ามาตรการเร่งตัวและเบิกจ่ายเร็ว เศรษฐกิจจริงมีสิทธิดีกว่ากรณีฐานของ สศช. ก็ได้
สำหรับเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ปี 68 ที่ขยายตัว 1.2% เพราะเครื่องยนต์เศรษฐกิจหลายด้านชะลอตัวพร้อมกัน ทั้งการใช้จ่ายภาครัฐที่หดตัว 3.9% การลงทุนภาครัฐที่ลดลง 5.3% จากการเบิกจ่ายล่าช้า ขณะที่ภาคต่างประเทศได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ทำให้การส่งออกชะลอลงเหลือ 11.5% จาก 15% ในไตรมาสก่อนหน้า ภาคอุตสาหกรรมหดตัว 1.6% ภาคท่องเที่ยวอ่อนแรง นักท่องเที่ยวลดลง 13.5% เหลือ 7.43 ล้านคน รายได้ท่องเที่ยวลดลง 8.4% และราคาสินค้าเกษตรลดลง 12.8% รายได้เกษตรกรหดตัว 11.4% กระทบกำลังซื้อวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม ระดับการใช้จ่ายของเอกชนยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก เพราะการบริโภคเอกชนโต 2.6% การลงทุนรวมโต 1.1% แรงขับเคลื่อนจากเอกชนโต 4.2% ขณะที่ภาครัฐหดตัว 5.3% จากการก่อสร้างและการเบิกจ่ายล่าช้า ด้านการใช้จ่ายภาครัฐลดลง 3.9% ขณะที่ด้านเสถียรภาพ อัตราว่างงานต่ำ 0.76% เงินเฟ้อทั่วไปติดลบ 0.7% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล สะท้อนว่าเศรษฐกิจยังมีฐานรองรับพอสมควร
น.ส.อ้อนฟ้า กล่าวว่า เศรษฐกิจปี 69 คาดขยายตัว 1.2–2.2% ค่ากลาง 1.7% จากแรงส่งของการบริโภค การลงทุนเอกชน การท่องเที่ยว การใช้จ่ายภาครัฐ และผลผลิตเกษตรดีขึ้น แต่ยังเผชิญหนี้ครัวเรือนสูง เศรษฐกิจโลกผันผวน มาตรการกีดกันการค้าสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนทางการเมือง ในกรณีฐาน คาดว่า การบริโภคเอกชนโต 2.1% การลงทุนเอกชน 0.9% การส่งออกลดลง 0.3% แม้รายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแตะ 1.65 ล้านล้านบาท ภาพรวมจึงฟื้นตัวแบบระมัดระวัง โดยเงินเฟ้ออยู่ในช่วง 0.0–1.0% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.4% ของจีดีพี
ด้านนายเอกนิติ กล่าวว่า เชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ฟื้นตัวแน่นอน เป็นผลจากนโยบายกระตุ้นของรัฐบาล ทั้งคนละครึ่ง พลัส, เที่ยวดีมีคืน และการเร่งรัดเบิกจ่ายภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะกระตุกให้จีดีพีทั้งปี 68 เติบโตเกิน 2%