
นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนากุล นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย เปิดเผยภายหลังการเข้าพบนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ว่า สมาคมฯ ขอให้กระทรวงพาณิชย์หาแนวทางช่วยเหลืออุตสาหกรรมข้าวทั้งระบบ เพื่อให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอยู่รอดได้ เพราะขณะนี้ ราคาข้าวไทยตกต่ำมาก โดยเฉพาะข้าวเปลือกเจ้า ที่ราคาตกต่ำสุดในรอบ 18 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ล่าสุด ราคาข้าวเปลือกเจ้า ความชื้นไม่เกิน 15% อยู่ที่ตันละ 6,200 บาท ใกล้เคียงกับราคาในปี 2550 จากในช่วง 14 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ตันละ 12,000 บาท ส่วนข้าวเกี่ยวสด เหลือเพียงตันละไม่ถึง 5,000 บาท ขณะที่ข้าวสารขาว 5% ราคาลงไปต่ำเหลือเพียงตันละ 10,000 บาทเท่านั้น
“ราคาข้าวสารเจ้าของไทย ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยลงไปลึกถึงต่ำกว่าตันละ 12,000 บาท แต่ปีนี้ลงเหลือ 10,000 บาท เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเจอมาตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา เมื่อก่อน บ่นกันว่า ข้าวไทยราคาแพงสุด ทำให้ส่งออกยาก แต่วันนี้ ราคาข้าวไทยเกือบจะต่ำสุดในโลกแล้ว มีเพียงเมียนมา ที่ราคาต่ำกว่าไทย นอกจากนี้ ราคาสินค้าอื่นที่ได้จากการสีข้าว ยังตกลงมากกว่าครึ่ง เช่น รำข้าว ปลายข้าว จากการนำเข้าธัญพืชอื่น รวมถึงข้าวชนิดอื่นเข้ามาเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์จำนวนมาก ทั้งข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ เร่งหามาตรการช่วยเหลือ”
ส่วนนายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวภายหลังการเข้าพบรมว.พาณิชย์ ว่า ขอให้กระทรวงพาณิชย์เร่งหามาตรการดึงราคาข้าว ที่กำลังตกต่ำมาก พร้อมให้ช่วยลดต้นทุน ทั้งค่ายาปราบและกำจัดศัตรูพืช ปุ๋ยเคมี ให้ชาวนา โดยราคาข้าวเปลือก ล่าสุดเหลือกิโลกรัมละ 4-5 บาท หรือตันละ 4,000-5,000 บาทเท่านั้น ขณะที่ต้นทุนผลิตอยู่ที่ 5,500-6,000 บาท ปีนี้ชาวนาไม่มีเงินเหลือใช้หนี้แน่นอน
ด้านนายยพรเทพ ปู่ประเสริฐ อุปนายกสมาคมการค้าพืชไร่ กล่าวภายหลังการเข้าพบรมว.พาณิชย์ว่า ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์ ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 พ.ย.68 ที่เปิดนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) เพิ่มเป็น 1 ล้านตัน ภาษี 0% จากเดิมนำเข้า 54,700 ตัน ภาษี 20% เพราะจะกระทบต่อราคาผลผลิตในประเทศ แม้รัฐบาลอ้างมีมาตรการดูแลผลกระทบเกษตรกรในประเทศก็ตาม อีกทั้งต้องการให้ภาครัฐ ส่งเสริมให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์ ใช้พืชอื่นๆ ที่ผลิตได้ในประเทศก่อน ทั้งรำข้าว ปลายข้าว มันสำปะหลัง ช่วยเหลือเกษตรกร
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา รัฐมีมาตรการกำหนดการนำเข้าข้าวสาลีต่อการซื้อข้าวโพดในประเทศที่ 3 ต่อ 1 เช่นกัน แต่ปรากฏว่า การนำเข้าข้าวสาลีปี 66 และปี 67 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.1 และ 2.5 ล้านตัน ทั้งๆ ที่ถ้าซื้อตามสัดส่วนควรอยู่ที่ไม่เกิน 1.6 ล้านตัน โดยปริมาณการนำเข้าที่เกินมานั้น มีผลกดดันราคาข้าวโพดในประเทศเป็นอย่างมาก
“ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ ออกประกาศกระทรวง กำหนดให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์ รับซื้อข้าวโพดในประเทศกิโลกรัม (กก.) ละ 9.80 บาท แต่ในความเป็นจริง มีเพียง 1-2 รายเท่านั้นที่ซื้อราคานี้ และยังต้องรอคิวนาน 2-3 วัน ส่วนใหญ่จะซื้อที่กก.ละ 9-9.10 บาท โรงงานแทบไม่อยากซื้อในประเทศ ก็ไม่มั่นใจว่า การนำเข้า 1 ล้านตัน และกำหนดให้ต้องซื้อของในประเทศก่อน และกำหนดสัดส่วนการซื้อในประเทศต่อการนำเข้า 3 ต่อ 1 และกำหนดราคารับซื้อ จะช่วยลดผลกระทบได้หรือไม่”