ลงนามMOU “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ซื้อหนี้เสีย 1 แสน คลัง-ธปท.ย้ำทำเพื่อช่วยชีวิตลูกหนี้-ฟื้นเศรษฐกิจ

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ลงนามMOU “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ซื้อหนี้เสีย 1 แสน คลัง-ธปท.ย้ำทำเพื่อช่วยชีวิตลูกหนี้-ฟื้นเศรษฐกิจ

Date Time: 12 พ.ย. 2568 07:30 น.

Summary

คลัง-ธปท.ผนึก 3 หน่วยงานลงนาม MOU เปิดโครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ให้ SAM ซื้อหนี้เสียไม่มีหลักประกันรายละไม่เกิน 1 แสนบาท ยกดอกเบี้ยคงค้างและค่าธรรมเนียม ลดต้นบางส่วนช่วยลูกหนี้

Latest

ผู้ว่า กฟผ.คนใหม่เปิดวิชั่นปี69 ประกาศลั่น! ลุยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก

คลัง-ธปท.ผนึก 3 หน่วยงานลงนาม MOU เปิดโครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ให้ SAM ซื้อหนี้เสียไม่มีหลักประกันรายละไม่เกิน 1 แสนบาท ยกดอกเบี้ยคงค้างและค่าธรรมเนียม ลดต้นบางส่วน หวังช่วยลูกหนี้กลับมาส่งหนี้ได้ “เอกนิติ” ย้ำไม่เร่งแก้เศรษฐกิจไทยไม่ฟื้น ชี้ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องหนี้ แต่ช่วยชีวิตคนไทย

เมื่อ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)นายชาติศิริ โสภณพณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนสมาคมธนาคารไทย น.ส.นารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทบริหารสิทรัพย์สุขุมวิทหรือ SAM และ นางลัษมณ อรรถาพิช ผู้จัดการใหญ่บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร ร่วมลงนามหลักการเบื้องต้น (MOU) และเปิดตัวโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ขึ้น ภายใต้ชื่อ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” 

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะประธาน และร่วมเป็นเป็นสักขีพยาน กล่าวว่า หนี้ครัวเรือน ถือเป็นหนึ่งในปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนและการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย และหากปล่อยให้หนี้ครัวเรือนสูงมาก และไม่เร่งแก้ไข จะมีปัญหาต่อเนื่องถึงฐานะการเงินของครัวเรือนไทย ทำให้เศรษฐกิจไทยไม่สามารถฟื้นได้ โดยโครงการนี้เป็นเสาที่ 2 ของมาตรการ "Big Quick Win" ที่ต้องการแก้ไขหนี้ครัวเรือน และขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมมือผลักดันโครงการหนี้ออกมาไดน 1 เดือน เพราะสิ่งสำคัญจะไม่ได้ช่วยแค่ฐานะการเงินของคนไทยเท่านั้น  แต่ยังได้ช่วยชีวิตคนให้กลับมาดำเนินชีวิตได้

“เราไม่ได้จะเอาหนี้ออกมาบริหารที่ AMC เท่านั้น แต่ต้องการต่อลมหายใจให้ลูกหนให้มีโอกาสกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยการลดดอกเบี้ย ยืดเวลาให้เขามีเวลาหายใจ และมีโอกาสกลับมาเป็นคนดี  ซึ่งเรื่องนี้เครดิต บูโร จะช่วยเปิดทางให้เข้ากลับเข้าสู่การขอสินเชื่อใหม่ได้ เป็นการช่วยให้ชีวิตเขาให้ไปต่อได้ ซึ่งไม่ได้ดีขึ้นแค่ลูกหนี้ แต่ครอบครัวเขาด้วย โดยหลังการทำ MOU ในวันนี้จะต้องทำรายละเอียดเพิ่มเติมอีก เพื่อที่จะช่วยชีวิตลูกหนี้ได้อย่างแท้จริง”

ขณะที่นายวิทัย กล่าวชี้แจงว่า โครงการนี้เราเลือกกลุ่มลูกหนี้ีที่มีปัญหามาก และเป็นรายย่อยก่อน ซึ่งจะช่วยได้ทั้งระบบเศรษฐกิจและช่วยคนด้วย สอดคล้องกับนโยบาย ธปท.ที่นอกเหนือจะแก้ไขปัญหาในภาพรวมจะลงไปเข้าแก้ปัญหาในรายจุดเพื่อให้คนไทยกินดีอยู่ดีได้ กลุ่มเป้าหมาย คือ ลูกหนี้รายย่อยที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ( NPLs) กับทุกประเภทสินเชื่อทุกผู้ให้บริการทางการเงิน รวมกันไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย โดยต้องเป็นหนี้เสีย ณ วันที่ 30 ก.ย. 2568 โดยจะเป็นลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์และบริษัทในกลุ่มธนาคารพาณิชยก่อน 1.6 ล้านบัญชี จำนวนลูกหนี้ 1.2 ล้านราย ภาระหนี้ 43,600 ล้านบาท ซึ่งหากมองตัวเลขอาจจะไม่สูงมาก แตคิด่เป็นสัดส่วนจะสูงถึง 64% ของเอ็นพีแอลทั้งหมด โดย SAM  จะรับซื้อหนี้เพื่อนำมาปรับโครงสร้างหนี้

“ธปท.จะปรับให้ SAM เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์เพื่อสังคม (social AMC) ช่วยแก้หนี้ให้ประชาชนโดยไม่มุ่งหากำไร ลูกหนี้จะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนมากกว่าปกติิ เช่น ยกเว้นดอกเบี้ยคงค้างและค่าธรรมเนียม ลดยอดเงินต้นบางส่วน ทำให้ลูกหนี้กลับมาจ่ายชำระและปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น รวมทั้งกลับมามีประวัติเครดิตบูโรที่ดีขึ้น โดยจะมี 2 ทางเลือกคือ จ่ายปิดจบ จ่ายชำระหนี้บางส่วนเพื่อปิดจบหนี้ในทันที และ 2. หากไม่ไหวให้ผ่อนชำระหนี้สูงสุด3 ปี และได้ยกเว้นดอกเบี้ยระหว่างเข้าร่วมมาตรการ โดยคาดว่าจะมีลูกหนี้ปิดจบหนี้ได้ประมาณ 30-50% ”

ส่วนการเริ่มโครงการนั้น นายวิทัย กล่าวว่า ใน 1 ม.ค. 2569 จะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์หนี้ไปยัง SAM  และตั้งแต่ ก.พ. 2569  SAM จะติดต่อกลับลูกหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และเมื่อตกลงกันได้ ช่วงแรกจะผ่อนหนี้ผ่านเจ้าหนี้เดิมก่อนระยะหนึ่ง จากนั้นเริ่มส่งหนี้ที่ SAM โดยตรง และหากลูกหนี้สามารถปิดจบ หรือผ่อนตามเงื่อนไขก็จะได้รับการปรับประวัติใหม่จากเครดิต บูโร เป็นลูกหนี้ปกติโดยไม่ต้องรอ 3 ปี ส่วนลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) จะได้รับการช่วยเหลือผ่านการขายและโอนหนี้ให้กับบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (Ari-AMC) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนอีก 330,000 บัญชี ทำให้เมื่อรวมทั้งสิ้นจะช่วยเหลือลูกหนได้ถึง 1.9 ล้านบัญชี 

ด้านชาติศิริ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นความร่วมมือที่ดีระหว่างสถาบันการเงินและทางการไทย และสมาคมธนาคารไทยเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่ต้องช่วยลูกหนี้ โดยเฉพาการช่วยลูกหนี้ที่มีศัพยภาพให้กลับมาผ่อนหนี้ และออกจากเครดิตบูโรและกลับมาใช้สินเชื่อในระบบการเงิน และที่สำคัญเป็นเงินที่ใช้ในโครงการมาจาก เงินนำส่งของสถาบันการเงินและเงินของ AMC ซึ่งเป็นการผนึกกำลังที่ดี และไม่เสียวินัยทางการเงิน

    


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ