ติด Top 3 ของโลก! ทำไมคนไทยกินบะหมี่ฯ เฉลี่ย 56.7 ซอง/ปี ไขปริศนา “มื้อด่วน” แห่งชาติ

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ติด Top 3 ของโลก! ทำไมคนไทยกินบะหมี่ฯ เฉลี่ย 56.7 ซอง/ปี ไขปริศนา “มื้อด่วน” แห่งชาติ

Date Time: 11 พ.ย. 2568 11:02 น.

Video

อยากหาเงินเยอะ! ต้องไม่รับบทผู้บริโภค เราต้องเป็น Creator “ทอย DataRockie” l Money Secret EP.9

Summary

คนไทยบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกเกือบ 4 เท่าตัว

  • ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไทยมีมูลค่าเกือบ 2 หมื่นล้านบาท
  • การบริโภคบะหมี่ฯ เติบโตสวนทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
  • บะหมี่ฯ เป็นสินค้ายังชีพที่ตอบโจทย์ทั้งความประหยัดและความสะดวก
  • การส่งออกบะหมี่ฯ ไทยมีแนวโน้มลดลงจากปัจจัยภายนอก

Latest


รู้หรือไม่? ว่าคนไทยเรา บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มากกว่าค่าเฉลี่ยโลกเกือบ 4 เท่าตัว โดยมีตัวเลขยืนยัน ว่าไทยติดอันดับ 3 ของโลก ด้วยอัตราการบริโภค 56.7 หน่วยบริโภคต่อคนต่อปี รองจากเวียดนาม (81.3 หน่วยบริโภคต่อคนต่อปี)  และเกาหลีใต้ (79.3 หน่วยบริโภคต่อคนต่อปี) เมื่อเทียบกับการบริโภคเฉลี่ยทั้งโลกที่อยู่แค่ 15 หน่วยบริโภคต่อคนต่อปี 

คำถามคือ 56.7 ซองต่อปีนั้น มาจากมื้ออาหารแบบไหนบ้างในชีวิตประจำวันของเรา? 

ต้องบอกว่า ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาจาก ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจปากท้องของคนไทยอย่างแท้จริง

ข้อมูลจากวิจัยกรุงศรี รายงานว่า อุตสาหกรรมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปัจจุบัน มีมูลค่าการจำหน่าย สำหรับตลาดในประเทศ อยู่ที่ 610.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 19,761.89 ล้านบาท โดยมีผู้ผลิตรายใหญ่ ๆ ประกอบไปด้วย 

  • บมจ. สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง (แบรนด์มาม่า)  
  • บจก. โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย (แบรนด์ไวไว) 
  • บจก. อายิโนะโมะโต๊ะ (แบรนด์ยำยำ) 
  • บจก. ซัมยัง ฟู้ดส์ (แบรนด์ซัมยัง) 
  • บจก. นงชิม (แบรนด์นงชิม) 
  • บจก.นิสชิน ฟูดส์ (ไทยแลนด์) (แบรนด์นิสชิน) 

ซึ่งผู้ผลิตกลุ่มนี้เพียงแค่ 6 ราย ก็มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันมากกว่า 93.4% ของมูลค่าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของไทยแล้ว และยิ่งทำให้ การแข่งขันในกลุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองของไทยยิ่งรุนแรง โดยเน้นการใช้ กลยุทธ์ด้านราคา เพื่อจูงใจกลุ่มรายได้ปานกลางถึงล่าง 

เมื่อไหร่ที่เงินฝืด บะหมี่ฯ จะขายดีเป็นพิเศษ

เจาะข้อมูลลึกลงไป  ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของไทยที่มูลค่ากว่า 19,761 ล้านบาท ไม่ได้เติบโตตามเศรษฐกิจที่สดใส แต่กลับขยายตัวได้ดีอย่างน่าสนใจในยามที่ กำลังซื้ออ่อนแอ

ขณะที่หลายอุตสาหกรรมชะลอตัว ปริมาณการบริโภคบะหมี่ฯ โดยรวมกลับเติบโตเฉลี่ยราว 2 %ต่อปี (ข้อมูลระหว่างปี 2562-2567) ซึ่งถือเป็นการขยายตัวสวนกระแสในภาวะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ปรากฏการณ์นี้ตอกย้ำว่า "มื้อด่วนราคาถูก" มีสถานะเป็น "สินค้ายังชีพ" ที่สำคัญ ด้วยเหตุผลหลัก 3 ประการ

  • ทางรอดสิ้นเดือน (The Affordable Substitute): บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นสินค้าที่ใช้ บริโภคทดแทนได้ดี ในยามที่กำลังซื้อซบเซา หรือเมื่อต้องประหยัดค่าใช้จ่ายอาหารสดอื่น ๆ ที่มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า "ความประหยัด" ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือ ฟันเฟืองสำคัญ ที่ทำให้ตลาดนี้เติบโตสู้ภาวะเงินฝืด
  • คำตอบของชีวิตเร่งรีบ (The Convenience Factor): นอกจากราคาถูกแล้ว บะหมี่ฯ ยังเป็น อาหารจานด่วนที่สุด ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนเมืองที่ต้องเร่งรีบแข่งกับเวลา และงบประมาณจำกัด ทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกหลักสำหรับมื้ออาหารที่ต้องการความรวดเร็ว
  • สงครามรสชาติไม่จบสิ้น (The Product Development): ความนิยมไม่ได้มาจากความจำเป็นทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเกิดจาก ความหลากหลายของรสชาติ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องของผู้ผลิต ทำให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย และทำลายภาพลักษณ์ที่เป็นเพียง "อาหารแก้ขัด" กลายเป็นอาหารที่มีตัวเลือกที่ดึงดูดใจเสมอ

สงครามตลาด จาก ราคาถูก สู่ “พรีเมียม นู้ดเดิล” 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบะหมี่ฯ จะเป็นสินค้าควบคุมราคาจากกรมการค้าภายใน ซึ่งทำให้ผู้ผลิตปรับราคาได้จำกัดเมื่อต้นทุนผันผวน แต่สมรภูมิการแข่งขันก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่มิติเดียว ข้อมูลในรายงานชุดเดียวกัน ของวิจัยกรุงศรี ยังพบว่า อุตสาหกรรมนี้ กำลังถูกท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ 

  • ความท้าทายด้านต้นทุน: ต้นทุนการผลิตผันผวนตามราคาแป้งสาลี (วัตถุดิบหลัก 50-80%) และน้ำมันปาล์ม ทำให้ผู้ผลิตต้องใช้ความสามารถในการบริหารต้นทุนเป็นหลัก 
  • การยกระดับสู่พรีเมียม: ผู้ผลิตกำลังปรับเป้าหมายไปยังกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง โดยการพัฒนาสินค้ารสชาติใหม่ที่เน้น คุณภาพของวัตถุดิบ (Premium Instant Noodles) พร้อมการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อรองรับการขายในราคาที่สูงขึ้น

บะหมี่ไทยไปสู้ศึกโลก โอกาสและความเสี่ยง

ทั้งนี้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไทยไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศ แต่ยังเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทยด้วย โดยไทยมีปริมาณส่งออก 9.9 หมื่นตัน คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 309.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตลาดส่งออกหลัก คือ กัมพูชา, เนเธอร์แลนด์, ลาว และสหรัฐอเมริกา

โดยช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา ไทยสามารถทำให้ยอดส่งออกขยายตัว 4.1% โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา และ สหราชอาณาจักรที่พุ่งแรงถึง +82.5 % เนื่องจากกระแสนิยมที่นำเส้นบะหมี่สำเร็จรูปไปประยุกต์ปรุงอาหารเพื่อลดต้นทุนในร้านค้า

แต่สัญญาณน่าเป็นห่วง คือ พบว่าแนวโน้มการส่งออกในช่วง 8 ดือนแรกของปี 2568 เริ่มหดตัว 7 % ในเชิงปริมาณ โดยคาดการณ์ว่าตลอดทั้งปีจะหดตัว 9-10% ซึ่งก็ผลมาจาก ปัจจัยหลักมาจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ (ตลาดอันดับ 5) และความตึงเครียดบริเวณด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย 

ท้ายที่สุด อาจกล่าวได้ว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจึงเป็นมากกว่าอาหาร 6-8 บาท แต่เป็น "ดัชนีวัดเศรษฐกิจปากท้อง" ที่ซื่อสัตย์ที่สุด เพราะสะท้อนถึง การดิ้นรนของคนไทย ภายใต้กำลังซื้อเปราะบาง และยังนับเป็นผลิตภัณฑ์ที่สื่อถึงกลยุทธ์การตลาดที่ชาญฉลาดของผู้ประกอบการไทยที่สามารถครองใจผู้บริโภคได้ทั้งในมิติของ "ความประหยัด" และ "ความพรีเมียม" พร้อมทั้งขยายอิทธิพลไปทั่วโลก แม้จะต้องเผชิญหน้ากับความผันผวนของต้นทุนและความท้าทายทางการค้าระหว่างประเทศก็ตาม


ที่มา : วิจัยกรุงศรี 

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https:// www.facebook.com/ThairathMoney




Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ