
คนไทยบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกเกือบ 4 เท่าตัว
รู้หรือไม่? ว่าคนไทยเรา บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มากกว่าค่าเฉลี่ยโลกเกือบ 4 เท่าตัว โดยมีตัวเลขยืนยัน ว่าไทยติดอันดับ 3 ของโลก ด้วยอัตราการบริโภค 56.7 หน่วยบริโภคต่อคนต่อปี รองจากเวียดนาม (81.3 หน่วยบริโภคต่อคนต่อปี) และเกาหลีใต้ (79.3 หน่วยบริโภคต่อคนต่อปี) เมื่อเทียบกับการบริโภคเฉลี่ยทั้งโลกที่อยู่แค่ 15 หน่วยบริโภคต่อคนต่อปี
คำถามคือ 56.7 ซองต่อปีนั้น มาจากมื้ออาหารแบบไหนบ้างในชีวิตประจำวันของเรา?
ต้องบอกว่า ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาจาก ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจปากท้องของคนไทยอย่างแท้จริง
ข้อมูลจากวิจัยกรุงศรี รายงานว่า อุตสาหกรรมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปัจจุบัน มีมูลค่าการจำหน่าย สำหรับตลาดในประเทศ อยู่ที่ 610.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 19,761.89 ล้านบาท โดยมีผู้ผลิตรายใหญ่ ๆ ประกอบไปด้วย
ซึ่งผู้ผลิตกลุ่มนี้เพียงแค่ 6 ราย ก็มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันมากกว่า 93.4% ของมูลค่าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของไทยแล้ว และยิ่งทำให้ การแข่งขันในกลุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองของไทยยิ่งรุนแรง โดยเน้นการใช้ กลยุทธ์ด้านราคา เพื่อจูงใจกลุ่มรายได้ปานกลางถึงล่าง
เจาะข้อมูลลึกลงไป ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของไทยที่มูลค่ากว่า 19,761 ล้านบาท ไม่ได้เติบโตตามเศรษฐกิจที่สดใส แต่กลับขยายตัวได้ดีอย่างน่าสนใจในยามที่ กำลังซื้ออ่อนแอ
ขณะที่หลายอุตสาหกรรมชะลอตัว ปริมาณการบริโภคบะหมี่ฯ โดยรวมกลับเติบโตเฉลี่ยราว 2 %ต่อปี (ข้อมูลระหว่างปี 2562-2567) ซึ่งถือเป็นการขยายตัวสวนกระแสในภาวะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ปรากฏการณ์นี้ตอกย้ำว่า "มื้อด่วนราคาถูก" มีสถานะเป็น "สินค้ายังชีพ" ที่สำคัญ ด้วยเหตุผลหลัก 3 ประการ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบะหมี่ฯ จะเป็นสินค้าควบคุมราคาจากกรมการค้าภายใน ซึ่งทำให้ผู้ผลิตปรับราคาได้จำกัดเมื่อต้นทุนผันผวน แต่สมรภูมิการแข่งขันก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่มิติเดียว ข้อมูลในรายงานชุดเดียวกัน ของวิจัยกรุงศรี ยังพบว่า อุตสาหกรรมนี้ กำลังถูกท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไทยไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศ แต่ยังเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทยด้วย โดยไทยมีปริมาณส่งออก 9.9 หมื่นตัน คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 309.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตลาดส่งออกหลัก คือ กัมพูชา, เนเธอร์แลนด์, ลาว และสหรัฐอเมริกา
โดยช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา ไทยสามารถทำให้ยอดส่งออกขยายตัว 4.1% โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา และ สหราชอาณาจักรที่พุ่งแรงถึง +82.5 % เนื่องจากกระแสนิยมที่นำเส้นบะหมี่สำเร็จรูปไปประยุกต์ปรุงอาหารเพื่อลดต้นทุนในร้านค้า
แต่สัญญาณน่าเป็นห่วง คือ พบว่าแนวโน้มการส่งออกในช่วง 8 ดือนแรกของปี 2568 เริ่มหดตัว 7 % ในเชิงปริมาณ โดยคาดการณ์ว่าตลอดทั้งปีจะหดตัว 9-10% ซึ่งก็ผลมาจาก ปัจจัยหลักมาจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ (ตลาดอันดับ 5) และความตึงเครียดบริเวณด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย
ท้ายที่สุด อาจกล่าวได้ว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจึงเป็นมากกว่าอาหาร 6-8 บาท แต่เป็น "ดัชนีวัดเศรษฐกิจปากท้อง" ที่ซื่อสัตย์ที่สุด เพราะสะท้อนถึง การดิ้นรนของคนไทย ภายใต้กำลังซื้อเปราะบาง และยังนับเป็นผลิตภัณฑ์ที่สื่อถึงกลยุทธ์การตลาดที่ชาญฉลาดของผู้ประกอบการไทยที่สามารถครองใจผู้บริโภคได้ทั้งในมิติของ "ความประหยัด" และ "ความพรีเมียม" พร้อมทั้งขยายอิทธิพลไปทั่วโลก แม้จะต้องเผชิญหน้ากับความผันผวนของต้นทุนและความท้าทายทางการค้าระหว่างประเทศก็ตาม
ที่มา : วิจัยกรุงศรี
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https:// www.facebook.com/ThairathMoney