ขีดความสามารถการแข่งขันด้านดิจิทัลของไทยร่วงต่อ สิงคโปร์ร่วงตาม

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ขีดความสามารถการแข่งขันด้านดิจิทัลของไทยร่วงต่อ สิงคโปร์ร่วงตาม

Date Time: 8 พ.ย. 2568 06:16 น.

Summary

ขีดความสามารถการแข่งขันด้านดิจิทัลของไทยปี 2568 ลดลง 1 อันดับ อยู่ที่อันดับ 38 จากอันดับ 37 ในปี 2567 และ 35 ในปี 2566 พบคะแนนปัจจัยหลักด้านเทคโนโลยีลดยกแผง ส่วนสิงคโปร์ร่วงจาก 1 ลงมา 3

Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2568 สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทยหรือทีเอ็มเอ (TMA)
ได้เปิดเผยผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศ (World Digital Competitiveness Ranking - WDCR) ที่จัดทำโดย World Competitiveness Center ของ International Institute for Management Development (IMD) สวิตเซอร์แลนด์ ประจำปี 2568 หรือรายงาน WDCR 2025 โดยในปี 2568 สวิตเซอร์แลนด์ครองอันดับที่ 1 ในฐานะประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลสูงที่สุดในโลก รองลงมาเป็นสหรัฐอเมริกาและสิงคโปร์ ขณะที่ไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 38 จาก 69 เขตเศรษฐกิจ ลดลงจากอันดับที่ 37 ในปี 2567 และอันดับ 35 ในปี 2566

IMD รายงานว่า ความแตกแยกทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสามารถด้านดิจิทัลของประเทศ โดยประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าน้อยกว่า เช่น กาตาร์ มีอันดับที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ประเทศที่ได้รับผลกระทบมาก เช่น ออสเตรเลีย มีอันดับลดลง โดย 10 อันดับแรกจาก 69 ประเทศ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ฮ่องกง เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ แคนาดา สวีเดน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และไต้หวัน
ในปีนี้มีประเด็นที่น่าสนใจคือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) สามารถก้าวเข้ามาอยู่ใน 10 อันดับแรกได้เป็นครั้งแรก เป็นผลมาจากการวางกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการปฏิรูปสู่ดิจิทัล เช่นเดียวกับแคนาดาที่ทะยานเข้าสู่ 10 อันดับแรก โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการพัฒนาเพื่อความพร้อมในอนาคต

ในฝั่งของประเทศอาเซียน สิงคโปร์ยังเป็นผู้นำเดี่ยวในภูมิภาคที่ติดท็อปเทน (1 ใน 10) แม้ร่วงลงจากอันดับ 1 ในปี 2567 มาอยู่ที่อันดับ 3 โดยยังเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลที่แข็งแกร่ง กรอบการกำกับดูแล (Regulatory framework) ที่ครองอันดับหนึ่งทั่วโลก การให้สิทธิบัตรเทคโนโลยีขั้นสูงต่อหัว (อันดับ 1), คะแนนคณิตศาสตร์ PISA (อันดับ 2) และประสิทธิภาพของภาคบริการธนาคารและการเงิน (อันดับ 2) แต่การลดลงของอันดับมาจากประสิทธิภาพที่ลดลงในด้านความพร้อมสำหรับอนาคต การลงทุนโทรคมนาคมที่ต่ำ การค้าปลีกทางอินเตอร์เน็ตที่ยังไม่สูงนัก และสัดส่วนนักวิจัยหญิงที่ค่อนข้างต่ำ

ส่วนประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 38 ลดลงจากปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากปัจจัยหลักด้านเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นกรอบกฎหมาย กฎระเบียบ (Regulatory framework) เงินทุน (Capital) และกรอบโครงสร้างทางเทคโนโลยี (Technological framework) พบว่าอันดับลดลงทั้งหมด ทั้งที่เคยเป็นจุดแข็งของไทยมาโดยตลอด

โดยยังพบจุดอ่อนในระดับตัวชี้วัดในทุกปัจจัยย่อย ทั้งด้านความรู้ (Knowledge) จำนวนบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคนิค (Scientific and technical employment) บทความเกี่ยวกับ AI (AI articles) การลงทุนภาคเอกชนด้าน AI (AI private investment) ความพร้อมสำหรับอนาคต (Future readiness) การครอบครองแท็บเล็ต (Tablet possession) การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ (Software piracy)

TMA ยังวิเคราะห์เหตุที่ปัจจัยหลักด้านเทคโนโลยีลดลง เนื่องมาจากคู่แข่งพัฒนาเร็วกว่า, ตัวชี้วัดเทคโนโลยีชะงักงัน เช่น การลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาที่ยังต่ำ การขาดแคลนนวัตกรรมใหม่ๆ (เช่น สตาร์ทอัพยูนิคอร์น), ช่องว่างทักษะบุคลากร ไม่ว่าจะเป็นปัญหาขาดแคลนแรงงานทั้งปริมาณและคุณภาพในสาขา STEM และอุปสรรคด้านโครงสร้างและกฎระเบียบ ประกอบกับความซับซ้อนของระบบราชการ เป็นต้น


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ