
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ยอดการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยช่วง 9 เดือนของปี 68 (ม.ค.-ก.ย.) มี 770 ราย เงินลงทุนรวม 253,116 ล้านบาท โดยมีจำนวนรายเพิ่มขึ้น 134 ราย และมูลค่าลงทุนเพิ่มขึ้น 118,311 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ญี่ปุ่น 142 ราย เงินลงทุน 76,397 ล้านบาท 2.สหรัฐอเมริกา 116 ราย เงินลงทุน 4,368 ล้านบาท 3.สิงคโปร์ 108 ราย เงินลงทุน 86,550 ล้านบาท 4.จีน 99 ราย เงินลงทุน 21,925 ล้านบาท 5.ฮ่องกง 82 ราย เงินลงทุน 12,624 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ 223 ราย เงินลงทุน 51,252 ล้านบาท
ส่วนการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ช่วง 9 เดือน มี 222 ราย คิดเป็น 29% ของนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้น 15 ราย จากปีก่อน มูลค่าการลงทุนในพื้นที่ อีอีซี จำนวน 82,264 ล้านบาท คิดเป็น 33% ของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจากประเทศจีน 55 ราย เงินลงทุน 15,665 ล้านบาท ญี่ปุ่น 52 ราย เงินลงทุน 28,919 ล้านบาท สิงคโปร์ 26 ราย เงินลงทุน 15,853 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ 89 ราย เงินลงทุน 21,827 ล้านบาท
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนก.ย.68 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 8,156 ราย เพิ่มขึ้น 289 ราย เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 19,867 ล้านบาท ลดลง 2,181 ล้านบาท ขณะที่การจดทะเบียนเลิกกิจการมี 2,150 ราย ลดลง 104 ราย มีทุนจดทะเบียนเลิก 5,556 ล้านบาท ลดลง 11,056 ล้านบาท ขณะที่การจัดตั้งใหม่ช่วง 9 เดือนของปี 68 (ม.ค.-ก.ย.) มี 67,345 ราย ลดลง 2,341 ราย ทุนจดทะเบียน 214,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,733 ล้านบาท การจดทะเบียนเลิก 9 เดือนมี 11,879 ราย ลดลง 367 ราย ทุนจดทะเบียนเลิกสะสมอยู่ที่ 68,590 ล้านบาท ลดลง 47,415 ล้านบาท
ปัจจุบัน มีธุรกิจที่จดทะเบียนนิติบุคคลรวมทั้งสิ้น 2.03 ล้านราย ทุนจดทะเบียนรวม 31.28 ล้านล้านบาท โดยมีนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่ 976,857 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 22.94 ล้านล้านบาท สำหรับนิติบุคคลในกลุ่มธุรกิจบริการเป็นประเภทธุรกิจที่มีสัดส่วน การจดทะเบียนมากที่สุด 530,171 ราย ทุนจดทะเบียน 13.28 ล้านล้านบาท รองลงมาคือ กลุ่มธุรกิจค้าส่ง/ค้าปลีก 319,843 ราย ทุน 2.61 ล้านล้านบาท และธุรกิจผลิต 126,843 ราย ทุน 7.05 ล้านล้านบาท