
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ในระยะ 4 เดือนนี้ (ต.ค.68-ม.ค.69) บีโอไอจะเร่งผลักดัน โครงการลงทุนที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุน จากบีโอไอ ที่เป็นโครงการสำคัญ ๆ หรือโครงการขนาดใหญ่เป็นลำดับแรก เพื่อให้เกิดการลงทุนได้จริง ภายใต้กรอบเวลาของบัตรส่งเสริมที่มีอายุ 3 ปี โดย ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) วันที่ 17 ต.ค.นี้ บีโอไอจะเสนอมาตรการให้ที่ประชุมพิจารณา คือ เร่งส่งเสริมโครงการที่มีวงเงินลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท ขึ้นไป ให้ลงทุนได้ภายใน 4 เดือนข้างหน้า ขณะนี้มีจำนวน 70 โครงการ มูลค่ารวม 300,000 ล้านบาท เมื่อบอร์ดบีโอไอ ให้ความเห็นชอบ บีโอไอจะหารือร่วมกับทั้ง 70 โครงการเพื่อให้ได้รับทราบถึงปัญหา หรือข้อติดขัด จะได้เข้าไปแก้ปัญหาให้ตรงจุด ปัญหาหลัก ๆ คือเรื่องของใบอนุญาตการลงทุน ที่มีค่อนข้างมากเพราะขึ้นกับหลาย ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บีโอไอจะเข้าไปแก้ปัญหารวมถึงกระบวนการต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรค เพื่อทำให้เกิดการลงทุนจริง
นอกจากนี้ บีโอไอจะเน้น เรื่องมาตรการพัฒนาบุคลากร เพื่อจัดเตรียมแรงงานรองรับ สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะเข้ามาลงทุน เนื่องจากปัจจุบันมีอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เข้ามาเป็นจำนวนมาก อาทิ พลังงานสะอาด, เซมิคอนดักเตอร์, ยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี, แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB), ดิจิทัลขั้นสูง และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ เพราะต้องยอมรับว่า กลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ ๆ จำนวนแรงงานของประเทศไทย อาจยังไม่มีทักษะมาก่อน จึงต้องเร่งสร้างในเวลาอันรวดเร็ว
ล่าสุด บีโอไอ ได้ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อนำความต้องการแรงงานจากภาคเอกชน (Demand) มาผสานเข้ากับหลักสูตร (Supply) ที่ อว. มี เพื่อพัฒนาบุคลากร ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน โดยจะมีการอบรมสร้างทักษะในเวลาอันรวดเร็ว มีการฝึกงานจริงในโรงงาน ตั้งเป้าให้เกิดการจ้างงาน 100,000 ราย ในระยะแรก จะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ Bootcamp ที่เป็นหลักสูตรระยะสั้น ๆ มีการฝึกปฏิบัติงานจริงในโรงงานอุตสาหกรรม, Online Training เพื่อสร้างบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย, การสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้กับภาคเอกชน
บีโอไอจะมีมาตรการยกระดับผู้ประกอบการ เพื่อให้ปรับตัวและมีขีดความสามารถในการแข่งขัน ในโลกยุคใหม่ได้ โดยเน้นเรื่องการปรับตัว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้ทันสมัย โดยจะใช้เครื่องมือของบีโอไอสนับสนุน 3 เรื่องสำคัญ คือ เร่งการลงทุน, สร้างคน, ยกระดับผู้ประกอบการ
“บีโอไอ จะนำเรื่องเสนอให้ที่ประชุมบอร์ดบีโอไอ เพื่อหารือในรายละเอียดหลักเกณฑ์ และประเด็นที่ต้องทำเร่งด่วน คือเรื่องใบอนุญาตการลงทุน ซึ่งตรงกับที่ รมว.คลัง แถลงไว้ในรัฐสภา ที่จะทำระบบที่เรียกว่า Fast Pass หรือการคัดโครงการที่มีความสำคัญ ที่ดำเนินการเสมือนเป็นบัตรอภิสิทธิ์ ส่วน Fast Pass จะเป็นระบบที่ต้องอาศัยการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ทุกหน่วยงาน ยินยอมที่จะร่วมมือกัน ไม่เช่นนั้นให้ Fast Pass “