หั่นเป้าเงินเฟ้อ 0.0% แต่ยังไม่ใช่เงินฝืด เหตุพลังงาน-อาหารสดฉุดราคา 6 เดือนติด

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

หั่นเป้าเงินเฟ้อ 0.0% แต่ยังไม่ใช่เงินฝืด เหตุพลังงาน-อาหารสดฉุดราคา 6 เดือนติด

Date Time: 7 ต.ค. 2568 06:57 น.

Summary

สนค. ปรับเป้าเงินเฟ้อปี 68 เหลือ 0.0% จากเดิม 0.0-1.0% ค่ากลาง 0.5% หลังเงินเฟ้อลดลง 3 ไตรมาสติด เหตุสินค้ากลุ่มพลังงาน ทั้งค่าไฟ น้ำมันปรับลดลง กลุ่มอาหารสด ลดลงด้วย ยันไม่มีสัญญาณเงินฝืด

Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 68 ว่า สนค. ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 68 จากเดิมที่อยู่ระหว่าง 0.0–1.0% (ค่ากลาง 0.5%) มาอยู่ที่ 0.0% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อใน 3 ไตรมาสแรกของปี 68 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจยังคงขยายตัวในระดับต่ำ ราคาผักสดและผลไม้สดยังต่ำกว่าปีก่อนหน้าค่อนข้างมาก และภาครัฐยังคงดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลง

ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือน ก.ย.68 นั้น เท่ากับ 100.11 เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.67 ซึ่งเท่ากับ 100.84 ลดลง 0.72% เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 นับจากเดือน เม.ย.68 ที่ลดลง 0.22%, เดือนพ.ค.68 ลดลง 0.57%, เดือนมิ.ย.68 ลดลง 0.25%, เดือนก.ค.68 ลดลง 0.70% และเดือนส.ค.68 ลดลง 0.79% โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาสินค้ากลุ่มพลังงานลดลง ทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงตามนโยบายของรัฐ และราคาพลังงานตลาดโลกที่ปรับลดลง และราคาสินค้ากลุ่มอาหารยังคงลดลง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด ส่วนราคาสินค้าและบริการอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก ขณะที่เมื่อรวมเงินเฟ้อ 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ปี 68 เพิ่มขึ้น 0.01%


”การที่เงินเฟ้อติดลบติดต่อกัน 6 เดือน ไม่มีสัญญาณเงินฝืด เพราะสาเหตุหลักมาจากกลุ่มพลังงานและอาหารสด ที่ปรับลดลงเป็นตัวฉุด แต่เมื่อดูเงินเฟ้อพื้นฐาน ยังไม่ลด แสดงว่าความต้องการยังมีอยู่ ส่วนการจ้างงานก็คงที่ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังทรงตัว โดยขณะนี้ พูดได้ว่าเป็นภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เงินเฟ้อต่ำ แต่ยืนยันไม่ใช่ภาวะเงินฝืด“


สำหรับรายละเอียดเงินเฟ้อเดือน ก.ย.68 ที่ลดลง 0.72% มาจากการลดลงของหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม 0.99% สินค้าสำคัญ ที่ราคาลดลง คือ กลุ่มพลังงาน (แก๊สโซฮอล์ ค่ากระแสไฟฟ้า น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน) ของใช้ส่วนบุคคล (แชมพู สบู่ถูตัว ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว กระดาษชำระ น้ำยาระงับกลิ่นกาย โฟมล้างหน้า) ค่าโดยสารเครื่องบิน เสื้อผ้า และสิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด


ส่วนหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลง 0.24% จากการลดลงของราคากลุ่มผักสด (ต้นหอม มะนาว ผักกาดขาว ผักชี พริกสด ผักคะน้า ขิง กะหล่ำปลี) กลุ่มผลไม้สด (ทุเรียน ฝรั่ง องุ่น กล้วยน้ำว้า มะม่วง) ไข่ไก่ ข้าวสารเหนียว และไก่สด ส่วนสินค้าหลายรายการที่ราคาสูงขึ้น อาทิ กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว) กลุ่มปลาและสัตว์น้ำ (ปลาทู ปลาช่อน) กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟ (ร้อน/เย็น) เครื่องดื่มรสช็อกโกแลต) กลุ่มเครื่องประกอบอาหาร (กะทิสำเร็จรูป น้ำมันพืช มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) น้ำพริกแกง) และกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำตาล (ขนมหวาน ไอศกรีม)

สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่หักอาหารสดและพลังงานออก เดือนก.ย.68 เพิ่มขึ้น 0.65% ชะลอลงจากเดือน ส.ค.68 ที่เพิ่มขึ้น 0.81% รวม 9 เดือน เพิ่มขึ้น 0.90%


แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปไตรมาสที่ 4 ของปี 68 คาดว่าจะอยู่ใกล้ระดับ 0% โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง คือ ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกลุ่มประเทศโอเปกพลัสปรับเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ภาครัฐได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่าเอฟทีงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.68 มาอยู่ที่ 15.72 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่ากระแสไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย, ราคาผักสดและผลไม้สดต่ำกว่าปีก่อนหน้าค่อนข้างมาก เป็นผลจากผลผลิตที่เข้าสู่ตลาดจำนวนมาก รวมทั้งฐานของราคาผักสดในปีก่อนหน้าที่อยู่ระดับสูง และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันที่สูงขึ้น


ส่วนปัจจัยที่จะสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่ ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดและเครื่องประกอบอาหารมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อน เช่น เนื้อสุกร มะขามเปียก กะทิสำเร็จรูป กาแฟ เกลือป่น และน้ำมันพืช เป็นต้น รวมไปถึงการเร่งใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่จะมีส่วนกดดันเงินเฟ้อ ส่วนโครงการคนละครึ่ง ที่จะเริ่มในเดือน ต.ค.2568 มองว่า มีผลกดดันเงินเฟ้อไม่มาก แต่ช่วยเพิ่มกำลังซื้อและความเชื่อมั่นผู้บริโภคให้เพิ่มขึ้น


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ